การฟ้องร้องคดีของ ก.ล.ต.สหรัฐฯ กับ Ripple และผู้บริหาร Brad Garlinghouse และ Chris Larsen ถือเป็นอีกหนึ่งคดีที่สำคัญของวงการคริปโต เนื่องจากทั้ง Ripple และ XRP นั้นเป็นโฉมหน้าอันโดดเด่นของอุตสาหกรรมแห่งนี้
หลังจากที่มีการยื่นฟ้องคดีครั้งแรกในเดือนธันวาคมปี 2020 มีความเป็นไปได้ที่ “Ripple จะสูญเสียวอลุ่มการซื้อขายทั้งหมด” โดยบางคนกล่าวว่า “ XRP อาจมีมูลค่าร่วงลงเหลือ 0” อย่างไรก็ตาม XRP กลับทำได้เหนือความคาดหมาย แม้ว่าจะอยู่ในช่วงการฟ้องร้องคดี และในที่สุดก็สามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมีการซื้อขายที่ระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 3 ปีได้อีกครั้ง
โดยล่าสุดนั้น นาย Garlinghouse เผยว่าบริษัทของเขามีลูกค้าเพิ่มขึ้นมากกว่า 20 ราย นับตั้งแต่สำนักงาน ก.ล.ต. ยื่นฟ้องคดีดังกล่าว และเขาได้ชี้ให้เห็นว่าลูกค้าเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ภายนอกประเทศเช่นเดียวกับของฐานผู้ใช้งานของ Ripple กว่า 90%
เมื่อไม่นานนี้ Ripple เปิดเผยว่าพวกเขาได้ถือครองหุ้น Trengo และ Azimo คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 40% ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัวบริการ ODL
Garlinghouse กล่าวเสริมด้วยว่า แม้จะมีการฟ้องร้องคดีเกิดขึ้น แต่ปี 2020 ก็ถือว่าเป็นปีที่ใหญ่ที่สุดของ RippleNet ด้วยการประมวลผลการทำธุรกรรมมากว่า 3 ล้านรายการ ในความเป็นจริงสิ่งเดียวกันนี้ได้รับการขยายตัวจากรายงานไตรมาสที่ 4 ของ Ripple ซึ่งเผยแพร่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ Ripple ยังได้พยายามนำเสนอบัญชีแยกประเภทสำหรับธนาคารกลางที่ได้ที่มีการเปิดตัว CBDC ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จากข้อมูลของ Garlinghouse ธนาคารกลางกว่า 80 แห่งกำลังมองหาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจาก CBDC โดยเขากล่าวเพิ่มเติมว่า
“Ripple ไม่เคยอายที่จะสนทนากับธนาคารกลาง”
ยิ่งไปกว่านั้น Garlinghouse ยังได้เรียกร้องให้นาย Elon Musk CEO ของ Tesla ซึ่งเป็นบุคคลที่อยู่แถวหน้าในการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนทั่วโลก ดังนั้นการยอมรับและการนำ Bitcoin มาใช้อย่างเปิดเผยในบริษัทของเขาควรเป็นสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานอย่างมีนัยสำคัญ