Iran International รายงานว่า ธนาคารกลางอิหร่าน (CBI) ได้มีคำสั่งห้ามการซื้อขายบิทคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ที่ถูกขุดในต่างประเทศ โดยการเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นสัญญาณว่าหน่วยงานกำกับดูแลของอิหร่านตั้งใจที่จะป้องกันเงินทุนไหลออกจากประเทศ
ด้วยทรัพยากรน้ำมันและแก๊ซธรรมชาติจำนวนมาก ทำให้ต้นทุนการขุดบิทคอยน์ในอิหร่านต่ำและทำให้ได้รับผลกำไรสูงตั้งแต่ปี 2019 อิหร่านจึงได้พยายามควบคุมอุตสาหกรรมการขุดบิทคอยน์เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ
โดยเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ธนาคารกลางอิหร่านได้มีคำสั่งให้คนงานเหมืองบิทคอยน์ที่ได้ลงทะเบียนแล้ว ขายโทเค็นที่ขุดได้ให้กับทางธนาคารกลาง ทำให้ประเทศมีช่องทางในการชำระเงินสำหรับสินค้านำเข้าผ่านข้อจำกัดด้านเงินตรา ความพยายามดังกล่าวเป็นการหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ โดยการบริหารของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ
ข้อห้ามดังกล่าวมาพร้อมกับอุปสรรคว่าอิหร่านจะสามารถป้องกันบิทคอยน์จากต่างชาติได้อย่างไร?
ทางด้านนักกฎหมายอย่าง Fatemah Fannizadeh ได้มีความเห็นว่าข้อห้ามดังกล่าวอาจจะไม่ได้มีเป้าหมายที่จะบังคับใช้กับผู้ถือรายย่อย
“แทนที่จะเป็นการแบนแบบครอบคลุม มันจะเป็นการเปิดโอกาสให้ธนาคารและการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ สามารถใช้สกุลเงินดิจิทัลของอิหร่านในการแลกเปลี่ยนได้ หมายความว่าอิหร่านต้องการที่จะส่งออกเหรียญดิจิทัลที่ถูกผลิตในอิหร่านในเชิงรุก, ส่งเสริมการขุด และป้องกันการไหลออกของเงินทุนในประเทศจากค่าเงินเรียลที่ลดลง” Fannizadeh กล่าว
ในระหว่างปี 2017-2021 ค่าเงินเรียลของอิหร่านมีมูลค่าลดลง 80% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ และในช่วงเวลาเดียวกัน บิทคอยน์มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 3,800%
โดยอิหร่านเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ไม่สามารใช้งานเครือข่ายการโอนเงินระหว่างประเทศได้ เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ได้แก่ คิวบา, เกาหลีเหนือ, ซีเรีย, ซูดาน และสาธารณรัฐปกครองตนเอง ‘ไครเมีย’ ทางใต้ของยูเครน