<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Cardano (ADA) จะสามารถแซงหน้า Ethereum ได้หรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญมีคำตอบ

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Alex Saunders จาก Nugget’s News นักวิเคราะห์ด้านคริปโตมืออาชีพกำลังเผยถึงสิ่งที่เหรียญ Cardano (ADA) จะต้องทำให้สำเร็จ เพื่อที่จะสามารถแซงหน้าเหรียญ smart contract อันดับสองของโลกอย่าง Ethereum ลงได้

ในการให้สัมภาษณ์กับ Altcoin Daily ของนาย Aaron และ Austin Arnold นั้น นาย Saunders กำลังออกมาวิเคราะห์ว่า Ethereum (ETH) จะสามารถยังคงบัลลังก์อันดับ 1 ด้าน smart contract ไว้ได้หรือไม่ หรือว่า Cardano นั้นจะเข้ามาแย่งชิงบัลลังก์ได้ในภายหลัง

แซนเดอร์สเน้นย้ำว่าการแข่งขันบน blockchain นั้นมักจะเป็นการแข่งขันในเรื่องของเวลา

ในขณะที่นาย Saunders คาดเดาว่าในอนาคตนั้นเราจะได้เห็น blockchain หลาย ๆ ตัวที่สามารถทำงานร่วมกันได้หมด แต่มันก็จะยังมีอยู่แค่อีกหนึ่งตัวที่เป็นผู้นำอยู่ ซึ่งสำหรับตอนนี้ก็คือ Ethereum นั่นเอง อย่างไรก็ตามเขาได้ตั้งข้อสังเกตว่าหากแพลตฟอร์มของ ETH นั้นไม่สามารถปรับขนาดเพื่อรองรับผู้ใช้งานและจำนวนธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วและค่าธรรมเนียมยังคงมีราคาแพง ผู้ใช้งานมีแนวโน้มที่จะย้ายไปยังแพลตฟอร์มอื่น

“blockcahin ทั้งหมดนี้คาดหวังว่าจะสามารถทำงานร่วมกันได้…มันเกี่ยวกับเวลาจริงๆ ถ้า Ethereum ยังคงล่าช้าและปล่อยให้ค่าธรรมเนียมธุรกรรมพุ่งแตะ $100 ผมคงคาดหวังว่าพวกเขาจะสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดจำนวนมากให้กับ Binance Smart Chain”

เขากล่าวว่า Cardano จำเป็นต้องเปิดตัวสัญญาอัจฉริยะให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยทีมพัฒนาเหรียญดังกล่าวหรือ Input Output HongKong (IOHK) เคยออกมาประกาศเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่าฟังก์ชัน smart contract นั้นจะมาถึงในเดือนสิงหาคมนี้

Saunders เน้นว่าหากทีมนักพัฒนาของ Cardano นั้นไม่สามารถที่จะสร้างระบบ ecosystem ที่เป็นบ้านหลังใหม่ของ DeFi และมีมาตรฐานที่เทียบเท่ากับเจ้าตลาดในขณะนี้ มันจะเป็นการยากที่พวกเขาจะสามารถแข่งขันในตลาดได้

“พวกทีม Cardano นั้นต้องดำเนินการให้สำเร็จ ผมไม่รู้ว่าพวกเขารอได้นานแค่ไหน พวกเขาจำเป็นที่จะต้องสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมาเพราะว่าพวกเรามี Solana (SOL) และ Polkadot (DOT) และระบบนิเวศอื่น ๆ เหล่านี้กำลังเริ่มถูกพัฒนาอย่างแท้จริง

สมมติว่า Cardano ใช้เวลาอีกหกเดือนหรือหนึ่งปีในการเปิดตัว Uniswap และ DeFis, oracles, ทุกอย่างแล้วคุณจะต้องดีใจและบอกว่า ‘ผมลงด้วยสิผมลงด้วยสิ’ แน่นอนใช่ไหมล่ะ เพราะอะไรคือความแตกต่างของคุณกับระบบนิเวศอื่น ๆ เหล่านี้ที่เริ่มสร้าง network effect ให้เร็วขึ้น และ Ethereum จำเป็นที่จะต้องขยายขนาด และก้าวไปสู่การเป็น proof of stake”