ทุกครั้งที่มีการส่งเงินหรือใช้ประโยชน์จาก Smart Contract ในเครือข่าย Ethereum Network ผู้ใช้จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมธุรกรรมหรือที่เรียกว่าค่า Gas ให้กับนักขุด โดยค่าธรรมเนียมจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับความแออัดของเครือข่าย และราคาของ Ethereum
ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมของ Ethereum ในเดือนพฤษภาคมนี้กำลังจะทำลายสถิติรายเดือนในปัจจุบันที่ 722 ล้านดอลลาร์ และตามสถิติจาก CoinMetrics หากแนวโน้มยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป ภายในเดือนนี้เครือข่ายบล็อกเชนของ Ethereum จะมีรายได้ในไตรมาสที่ 2 มากกว่าไตรมาสที่ 1 ที่ 1.7 พันล้านดอลลาร์
โดยค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมของ Ethereum ที่สูงที่สุดตั้งแต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เกิดจากความแออัดของเครือข่ายจำนวนมาก รวมถึงราคาของ Ethereum ที่พุ่งขึ้นไประดับ ATH ที่ 4,165 ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
James Wang อดีตนักวิเคราะห์การลงทุนของ Ark Investment ได้วิเคราะห์ว่าหาก Ethereum เป็นบริษัท ตัวเลขรายได้ดังกล่าวของ Ethereum จะแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดี “ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา Ethereum มีอัตรารายได้ต่อปีประมาณ 8.6 พันล้านดอลลาร์ เทียบได้กับบริษัทอย่าง Amazon Web Services เมื่อปี 2015” ซึ่งในช่วง 5 ปีหลังจากนั้น AWS มีรายได้เพิ่มขึ้น 575% และแฟน ๆ ก็คาดหวังว่า Ethereum จะมีอนาคตที่ดีเหมือน AWS เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับว่า Ethereum จะสามารถปรับขนาดการทำงานที่จำกัดในปัจจุบัน ให้ผู้ใช้ยินดีที่จะจ่ายค่า Gas ที่สูงขึ้น เพื่อที่จะสร้างสถิติค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมใหม่ได้หรือไม่?
การอัปเกรดเครือข่ายของ Ethereum ที่เรียกว่า “London” ในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ จะรวม Ethereum Improvement Proposal (EIP) 1559 ที่ทำให้ค่าธรรมเนียมที่ผู้ใช้จ่ายถูกส่งไปยังเครือข่ายแทนที่จะเป็นนักขุด ส่งผลให้ค่าธรรมเนียมมีราคาถูกลง พร้อมกับลดอุปทานเพิ่มอุปสงค์ของ Ethereum และขจัดความแออัดบางส่วนออกของเครือข่ายไปได้
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเกิดขึ้นหลังจากมีการนำ Ethereum 2.0 มาใช้ได้อย่างสมบูรณ์ โดย ETH 2.0 ตั้งใจที่จะลดความแออัดของเครือข่าย พร้อมกับขยายการทำงานของระบบให้สามารถทำธุรกรรมได้หลายพันรายการต่อวินาที แทนที่แบบเก่าซึ่งทำได้เพียง 15 รายการต่อวินาที ซึ่งจะช่วยลดค่าธรรมเนียมหรือต้นทุนในการทำธุรกรรมให้มีระดับที่เหมาะสมมากยิ่งขึ้น