รัฐบาลจีนมีความตั้งใจที่จะปราบปรามการขุด Bitcoin รองผู้ว่าธนาคารกลาง Liu He ได้ออกมาประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาถึงการแบนดังกล่าว โดยตลาดของเจ้า BTC นี้ดูเหมือนว่าจะซบเซามาเป็นเวลาสัปดาห์กว่าแล้ว หลังจากที่ Elon Musk เคยออกมากล่าวโจมตีมัน และตอนนี้ดูเหมือนว่าจีนจะออกมาซ้ำเติมมันอีก
โดยหากลองดูตั้งแต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาจะเห็นว่าราคาของ Bitcoin ฯั้นได้ร่วงลงไปต่ะกว่าระดับ 34,000 ดอลลาร์อย่างรุนแรง หลังจากที่รัฐบาลจีนออกมาประกาศแบนการขุดดังกล่าว
“เราจำเป็นต้องรักษาความราบรื่นของการดำเนินงานของตลาดหุ้น, หนี้, และตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ, ปราบปรามกิจกรรมด้านหลักทรัพย์ที่ผิดกฎหมายอย่างรุนแรง, และลงโทษกิจกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมายอย่างรุนแรง” รายงานระบุ “เราจำเป็นที่จะต้องป้องกันมันอย่างเคร่งครัดจากผลกระทบจากความเสี่ยงเงินเฟ้อภายนอก, เสริมสร้างการดูแลและสอดส่องตลาด, และจัดเตรียมแผนการเกี่ยวกับนโยบายคลัง”
เหตุใดการห้ามขุด Bitcoin ของจีนจึงเป็นเรื่องที่ดี
ปัจจัยรอบ ๆ ตัวของ Bitcoin นั้นดูเหมือนว่าจะส่งผลกระทบด้านดีต่อมันมากนักในตอนนี้ ส่วนเหรียญอื่น ๆ นั้นก็มีสภาพที่ไม่ต่างกัน อย่างไรก็ตาม มันอาจจะมีข้อดีภายใต้การประกาศแบนการขุด Bitcoin ในจีนก็เป็นได้
ผู้คนยังคงแอบขุดและถือ Bitcoin ในประเทศจีนได้ แต่เมื่อรัฐบาลจีนนั้นเริ่มที่จะเข้มงวดเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวมากขึ้น สิ่งนี้อาจทำให้กิจกรรมการขุด Bitcoin ในจีนนั้นลดลงไปอย่างมากในอีกไม่กี่เดือนที่จะถึง และหากมีการแบนแบบ 100% มาต่อหลังจากนี้ มันก็จะส่งผลทำให้นักขุดในประเทศอื่น ๆ นอกเหนือจากจีนได้รับส่วนแบ่งมากกว่าเดิม สร้างความเป็น decentralized มากขึ้นนั่นเอง
Michael Saylor ผู้ก่อตั้ง MicroStrategy ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือในชุมชน crypto เห็นด้วยกับแนวคิดนี้
“การปราบปรามคนงานเหมืองในจีนจะลดคาร์บอนฟุตพรินต์ของการขุด Bitcoin อย่างสิ้นเชิง, เพิ่มความสามารถในการทำกำไรของนักขุด ที่เหลือทั้งหมด, ลด FUD ของจีนลง, สนับสนุนความคืบหน้าไปสู่เป้าหมาย ESG ของเราและผลักดันมูลค่า $BTC ให้สูงขึ้น” เขากล่าว ” เราน่าจะโชคดีนะ…”
การครองส่วนแบ่งตลาดแรงขุดของจีน
ประเทศจีนมีสัดส่วนแรงขุด Bitcoin อยู่ที่ประมาณ 75% ของทั้งหมดในโลก มีการกล่าวว่า Bitcoin ที่ถูกขุดได้ในจีนส่วนหนึ่งนั้นมีการใช้พลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานสะอาดมาใช้ขุดด้วย แต่หลาย ๆ คนก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นกี่เปอร์เซนต์ของทั้งหมดที่พวกเขามี
การขุด Bitcoin คาดว่าจะใช้พลังงาน 296.59 เทราวัตต์ต่อชั่วโมงและจะก่อเขม่าคาร์บอนที่ 130.50 ล้านเมตริกตันภายในปี 2567 อ้างอิงจากวิจัยของ Chinese Academy of Sciences และ Tsinghua University
นักวิจัยสรุปว่าการขุด Bitcoin นั้นจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่าของประเทศทั้งประเทศอย่างเช่นสาธารณรัฐเช็กและกาตาร์