ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นกล่าวว่า สกุลเงินดิจิทัลชั้นนำอย่าง Bitcoin มีความผันผวนมากเกินไป รวมถึงไม่ได้ถูกใช้ในการทำธุรกรรม และไม่มีสิ่งใดมาหนุนเลย
จากการให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา นาย Haruhiko Kuroda ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (BoJ) กล่าวว่า การซื้อขาย Bitcoin ส่วนใหญ่ “เป็นการเก็งกำไร และมีความผันผวนสูงมากเป็นพิเศษ”
การเคลื่อนไหวของราคาล่าสุด ทำให้คำพูดของนาย Kuroda มีน้ำหนักมากขึ้น โดยราคา Bitcoin ได้ลดลง 8% ในช่วงที่ผ่านมาสู่ระดับ 36,187 ดอลลาร์ และลดลงถึง 11.31% ในสัปดาห์ที่ผ่าน (ข้อมูลจาก Nomics)
การร่วงลงราคาครั้งใหญ่จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ประมาณ 64,000 ดอลลาร์ในเดือนเมษายน เกิดขึ้นจากทวีตของ Elon Musk ซีอีโอบริษัท Tesla ที่เผยเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมว่า บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าของเขาจะไม่ยอมรับ Bitcoin เป็นการชำระเงินอีกต่อไป เนื่องจากความกังวลทางด้านสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ตลาดคริปโตที่ปรับตัวลงอย่างรุนแรงยังมาจากการที่ สมาคมการชำระเงินแห่งชาติของประเทศจีนสามแห่ง ได้ออกมาเตือนเกี่ยวกับการซื้อขายและเก็งกำไร Bitcoin เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว และไม่กี่วันต่อมาคณะกรรมการการเงินของประเทศ ซึ่งดูแลโดยสภาแห่งรัฐได้เพิ่มการขุด Bitcoin ลงในรายการความเสี่ยงทางการเงินที่จะต้องมีการตรวจสอบ ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่สำนักงานระดับสูงดังกล่าวออกมาพูดในภาคส่วนนี้
หลังจากที่นาย Kuroda กล่าวถึงความผันผวนของ Bitcoin เขายังเผยอีกว่า Bitcoin “แทบจะไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการทำธุรกรรม”
ทั้งนี้ผู้สนับสนุน Bitcoin บางคนเลิกหวังมานานแล้วว่า Bitcoin จะกลายเป็นวิธีการชำระเงิน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้าและบริการในชีวิตประจำวัน หรือการที่สถาบันการเงินจะนำ BTC มาใช้ในธุรกรรมข้ามพรมแดน เนื่องจาก Bitcoin แพงเกินไปและดำเนินการช้า
ในทางกลับกัน ผู้ชื่นชอบ BTC จำนวนมากมองว่าคริปโตชั้นนำเหมาะกับการเป็นแหล่งเก็บมูลค่า (store of value) เหมือนกับทองคำมากกว่า ส่วนเหรียญอื่น ๆ เช่น XRP, Litecoin และ Bitcoin Cash ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงการชำระเงิน ซึ่งค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า และเวลาในการทำธุรกรรมที่เร็วขึ้น ทำให้เหรียญเหล่านี้น่าสนใจยิ่งขึ้น
นอกจากนี้นาย Kuroda ได้วิจารณ์ว่า Bitcoin ได้รับการหนุนจากอากาศ เขาเปรียบเทียบ Bitcoin กับ Stablecoins ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ผูกกับสินทรัพย์ที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งมักจะเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ ตัวอย่างเช่น USDC ซึ่งมีการหนุนด้วยเงินดอลลาร์จริง ๆ และ USDT (Tether) ที่มีการหนุน 76% ของเงินสด และ “รายการเทียบเท่าเงินสด”
Kuroda กล่าวเพิ่มเติมว่า Stablecoins จำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรฐานด้านกฎระเบียบ เพื่อให้เป็นวิธีการชำระเงินที่สะดวก
ในขณะนี้ญี่ปุ่นกำลังศึกษาว่าควรจะออกสกุลเงินเยนดิจิทัลของตัวเองหรือไม่ โดยเมื่อเดือนที่แล้วได้มีการเริ่มการศึกษาในเฟสแรก เพื่อพิจารณาว่าสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) เป็นวิธีที่เหมาะสมหรือไม่ ประเทศส่วนใหญ่ก็ทำเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะมีเพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่ตัดสินใจออก CBDC ก็ตาม ซึ่งประเทศญี่ปุ่นยังคงล้าหลังจีน ที่กำลังทดลองใช้เงินหยวนดิจิทัลของตนเอง
ที่มา: decrypt