<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ผู้ก่อตั้งร่วม Bitkub “ท็อป จิรายุส” ได้รับเลือกเป็นอุปนายกสมาคม Thai Fintech Associate อีกสมัย

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (10 มิ.ย. 2654) ทางสมาคมฟินเทคประเทศไทย (Thai Fintech Association) ได้มีการจัดการเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่แทนที่คณะกรรมการชุดเก่าที่หมดวาระลงในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาและจัดประชุม Annual General Metting ในรูปแบบ Hybrid ผ่านระบบ Zoom

โดยการเลือกตั้งและการประชุมดังกล่าวมีบุคคลสำคัญในวงการเทคโนโลยีบล็อกเชนอย่าง “คุณท็อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” ผู้ก่อตั้งร่วมบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด เข้าร่วมด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้คุณท็อปได้ดำรงตำแหน่งอุปนายกสมาคมในวาระปี 2562-2564 และล่าสุดก็ได้รับเลือกให้เป็นอุปนายกสมาคมอีกสมัยในวาระนี้

นับเป็นผลดีอย่างยิ่งต่อวงการ Fintech และการเงินในบ้านเราที่หนึ่งในตัวแทนวงการเทคโนโลยีบล็อกเชนและคริปโตเคอร์เรนซีนั่งเป็นคณะกรรมการในสมาคมฟินเทคประเทศไทย ซึ่งจะมีส่วนผลักดัน พัฒนาวงการ Fintech และเทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นอย่างมากในอนาคต 

โดยคุณท็อปในฐานะอุปนายกสมาคมฟินเทคประเทศไทยได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์และจุดมุ่งหมายของสมาคม 4 ประการที่เปรียบเสมือน “สะพาน” เชื่อมระหว่าง Fintech Player และผู้คนในประเทศรวมไปถึงต่างประเทศให้มีความรู้ความเข้าใจและร่วมเดินไปในทิศทางเดียวกัน

“จุดมุ่งหมายของสมาคมก็อยากจะทำสมาคมให้เป็นสะพานเชื่อมระหว่าง Fintech Player กับทาง Regulator ให้เข้าใจกฎหมายแนวทาง เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ถ้า Regulator ไม่เข้าใจอะไร เราก็จะมีอีกกว่า 170 บริษัทที่ทำ Fintech ในบ้านเราที่จะมาคอยแลกเปลี่ยนความรู้แลกเปลี่ยนความเห็นกันได้ เป็น One Stop Service จะได้รวมตัวกันเข้าไปพัฒนากฎหมายในเมืองไทยให้สอดคล้องกับโลกอนาคต นั่นก็คือสะพานแรก”

“สะพานที่ 2 จะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างคนที่มีความรู้ทางด้านการเงินยุคใหม่ทำการเชื่อมไปถึงคนทั้งประเทศ ถึงผู้คนที่เข้าไม่ถึงองค์ความรู้ เช่น ผู้คนในต่างจังหวัดที่ความรู้ไม่ได้กระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ … เป็นการกระจายความรู้ความเข้าใจ การออมเงิน การลงทุน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ โดยจะเป็นจุดศูนย์รวมของผู้เชี่ยวชาญที่ทำวงการ Fintech มานานมารวมตัวกันเพื่อจะให้ความรู้ที่ถูกต้อง”

“สะพานที่ 3 คือการเชื่อมเมืองไทยกับต่างประเทศ ตอนนี้มี Fintech Association ก่อตั้งขึ้นทั่วโลก พวกนี้เป็นสิ่งใหม่ที่ทั่วโลกเรียนรู้พร้อมกัน ซึ่งมันก็มีประสบการณ์ ข้อผิดพลาดเกิดขึ้นระหว่างทาง การที่เราเป็นสะพานเชื่อมจะทำให้เรามีสิ่งที่เรียกว่า Spillover Knowledger สามารถแชร์ข้อผิดพลาด ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สร้างคอนเนคชัน หรือการจัด Conference แลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจ ทำให้การพัฒนามันเร็วขึ้น เพราะมันมีสิ่งทีเรียกว่า Spillover Knowledge”

“สะพานสุดท้ายจะเป็นสะพานที่เชื่อมระหว่าง Fintech Player กับ Traditional Bank ในอนาคตมันต้องมีการจับมือกันเพื่อที่จะสร้างสถาบันการเงินของโลกอนาคต ซึ่งอีก 10 ปีข้างหน้าการเปลี่ยนแปลงมันจะเร็วมากในวงการการเงิน เพราะฉะนั้นสมาคม Fintech จึงต้องเป็นจุดศูนย์กลางให้ผู้เล่นหน้าใหม่และสถาบันการเงินมาเจอกัน”

“ถ้าเรายังไม่สามารถผสมผสานระหว่างสถาบันการเงินเก่าและสถาบันการเงินรูปแบบใหม่เพื่อที่จะเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการทางการเงิน ถ้าเรายังไม่สามารถทำได้ วงการการเงินไทยเราก็อาจจะตกเป็นของชาวต่างชาติได้” คุณท็อปกล่าว

คุณท็อปกล่าวเสริมว่าการจะผลักดันและส่งเสริมให้เกิดขึ้นให้ได้ครบทั้ง 4 สะพานที่กล่าวไปข้างต้นเพื่อที่จะทำให้วงการการเงินไทยไม่แพ้ชาวต่างชาติ อีกทั้งยังจะผลักดันวงการเทคโนโลยีบล็อกเชนและคริปโตในบ้านเราให้ดียิ่งขึ้นโดยการทำงานร่วมกับ Regulator ในไทย ที่จะส่งเสริมและให้ความรู้ตามจุดประสงค์ในการเชื่อมสะพานที่ 1 

และนี่ถือเป็นข่าวดีที่ตัวแทนจากคนในวงการเทคโนโลยีบล็อกเชนอย่าง “คุณท็อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” มีส่วนร่วมพัฒนาวงการ Fintech ในบ้านเรา ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในอนาคตจะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในชีวิตประจำวันของเรา