ภายหลังจากที่ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ออกมาประกาศกฎเกณฑ์ใหม่ที่ทำให้ชาวคริปโตในไทยต้องออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกันอย่างคับคั่งนั้น ล่าสุดทางเว็บกระดานเทรดเหรียญคริปโตชั้นนำอย่าง Bitkub ได้ออกมาตอบโต้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว เกี่ยวกับเรื่อง Fans Token ที่ถูกห้ามลิสต์
โดยอ้างอิงจาก Facebook ของทาง Bitkub นั้น พวกเขาได้ออกมาเผยว่าจะยังคงทำตาม roadmap ของเหรียญ Fans Token ที่เคยวางไว้ก่อนหน้านี้
“สืบเนื่องจากการประกาศของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 11 มิ.ย. 2564 ที่ผ่านมา อ้างอิงตามลิงก์นี้ : https://www.sec.or.th/TH/Pages/News_Detail.aspx?SECID=8991
ในส่วนของ Fans Token ทางทีม Co-founders รวมถึง Influencers ที่ร่วมในโปรเจกต์ยังคงเดินหน้าตาม Roadmap ที่ให้ไว้ในเอกสาร Whitepaper และยังมีการแจก Fans Token ตามกำหนดกรอบระยะเวลาเดิม
ส่วนทางผู้พัฒนา คือ บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด ยังคงพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง และดูแลให้สินทรัพย์ของท่านยังคงปลอดภัยในกระเป๋า Bitkub NEXT และบน Bitkub Chain ทั้งนี้ ทีมงานที่เกี่ยวข้องกับ Fans Token ยังคงเดินหน้าพัฒนาโปรเจกต์นี้ร่วมกันตามวิสัยทัศน์ที่ได้แจ้งต่อสาธารณชนไว้ เนื่องจากยังคงเชื่อมั่นว่าโปรเจกต์นี้จะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมเพื่อความบันเทิง (Entertainment) และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เป็นทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัล รวมถึงขยายโอกาสในการสร้างตลาดและสร้างรายได้ของศิลปิน ดารา อินฟลูเอนเซอร์ ได้ทั้งในประเทศและในระดับสากลจากประโยชน์ของเทคโนโลยี บล็อกเชน นอกจากนี้แล้ว กลุ่มคนรุ่นใหม่ ผู้ติดตามศิลปินดารายังได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากการติดตามร่วมกิจกรรมหรือสามารถสร้างคอนเทนต์เพื่อสร้างรายได้และโอกาสให้กับตนเองได้อีกในอนาคต ตลอดจนทำให้ประเทศชาติของเรามีโอกาสเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรม Digital Entertainment ในระดับนานาชาติได้
ทีมงานขอขอบพระคุณทุก ๆ ท่านสำหรับการสนับสนุนที่มีมาด้วยดีเสมอมา หากมีความคืบหน้าอย่างไร ทางทีมงานจะมีประกาศอย่างเป็นทางการให้ทราบอีกครั้ง”
ก่อนหน้านี้ทางสยามบล็อกเชนได้รายงานไปแล้วว่าเว็บกระดานเทรดเหรียญคริปโตหลายแห่งในไทยได้ออกมาแสดงท่าทีต่อการประกาศล่าสุดของทาง ก.ล.ต. แล้ว โดยทั้ง Bitkub, Zipmex ต่างก็ออกมาเผยว่าพวกเขาจะยังคงลิสต์ KUB และ ZMT ต่อไป เนื่องจากว่ากฎเกณฑ์ใหม่นั้นไม่มีผลย้อนหลัง
ในขณะเดียวกันของ Bitazza นั้นก็กล่าวว่าเหรียญ BTZ ของพวกเขาไม่ละเมิดแนวทางกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจากว่าเหรียญดังกล่าวไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อจ่ายค่าบริการ blockchain
ส่วนด้านของผู้ก่อตั้ง Satang Pro นายปรมินทร์ อินโสมนั้นก็ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย โดยเขากล่าวว่า
“ประกาศที่ออกมา ผมพยายามทำความเข้าใจ แต่ที่แน่ ๆ ถ้าคนที่ประกอบธุรกิจเหมือนกัน ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน และถือใบอนุญาตประเภทเดียวกัน ก็ควรจะทำได้เหมือนกัน แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็ควรที่จะทำไม่ได้เหมือนกัน อันนี้คือ common sense ล้วน ๆ ครับ”
แม้ว่าวันนี้ทาง ก.ล.ต. ไทยจะออกมา live เพื่ออธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับแนวทางที่ออกมาดังกล่าวแล้ว แต่ดูเหมือนว่าทีท่าของพวกเขาก็จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร