เมื่อต้นสัปดาห์นี้ สมาชิกสภาคองเกรส Maxine Waters ประกาศว่าสภาคองเกรสได้จัดตั้งคณะทำงานใหม่ซึ่งจะเน้นที่นโยบายด้านคริปโตเคอเรนซีและฟินเทค โดยมีชื่อว่า Blockchain Caucus หรือ Fintech Task Force โดยในกลุ่มดังกล่าวนี้จะมีสมาชิกทั้งหมด 12 คนที่มาจากคณะกรรมการบริการทางการเงินของสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเดโมแครตส์
นาย Waters ระบุวัตถุประสงค์ของคณะทำงานใหม่ว่า “เพื่อทำงานร่วมกันในการแก้ปัญหาด้านกฎหมายและนโยบายในเรื่องต่างๆ เช่น กฎระเบียบของสกุลเงินดิจิทัล การใช้บล็อคเชนและ distributed ledger และการพัฒนาที่เป็นไปได้ของสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางสหรัฐ”
สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางหรือ CBDC ได้กลายเป็นประเด็นร้อนสำหรับธนาคารกลางทั่วโลก เนื่องจากมหาอำนาจทางเศรษฐกิจต้องการแปลงโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่มีอยู่ก่อนให้เป็นดิจิทัล
ก่อนหน้านี้จีนเพิ่งเปิดตัวตู้เอทีเอ็มกว่า 3,000 เครื่องที่สามารถแปลงเงินหยวนดิจิทัลเป็นเงินสดได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อทดลองใช้เหรียญหยวนดิจิทัลในหลายพื้นที่ในประเทศ
ในทางกลับกัน สหรัฐอเมริกายังไม่ได้ก้าวไปสู่การพัฒนา CBDC ของตนเองในขณะนี้
ในขณะที่สหรัฐฯ ยังคงอยู่เบื้องหลังจีนอย่างชัดเจนในแง่การแข่งขันเพื่อสร้างสกุลเงินดิจิทัลที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก นักเศรษฐศาสตร์บางคนได้มองว่าเงินหยวนที่มีอิทธิพลเหนือดอลลาร์มากขึ้น ดังนั้นความพยายามล่าสุดของรัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาจะเพียงพอที่จะทำให้สหรัฐฯ สามารถไล่ตามจีนทันได้หรือไม่ ก็ต้องรอดูกันต่อไป
สมาชิกสภาคองเกรส Bill Foster ซึ่งเป็นโปรแกรมเมอร์บล็อคเชนเพียงคนเดียวในสภาคองเกรสและเป็นหนึ่งใน 12 สมาชิกของคณะทำงาน เน้นว่าการก่อตัวของ Blockchain Caucus จะเป็นส่วนสำคัญในสหรัฐฯ ที่จะปรับตัวให้เข้ากับวงการ fintech ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
“สหรัฐอเมริกากำลังตามประเทศอื่น ๆ ในโลกเมื่อพูดถึงสกุลเงินดิจิทัล และหากเราจะปกป้องสถานะของดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินสำรองของโลก เราจำเป็นต้องพัฒนาสกุลเงินดิจทัลที่มีความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวเป็นสำคัญ”