เมื่อวานนี้ทางสยามบล็อกเชนได้มีการรายงานแล้วว่า Tether ซึ่งเป็นผู้ออกเหรียญ stablecoin รายใหญ่ที่สุดของโลก ดูเหมือนว่าจะตกเป็นเป้าในการเพ่งเล็งของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยมีรายงานว่า กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ หรือ DOJ กำลังดำเนินการตรวจสอบว่าผู้บริหารของบริษัทกระทำการฉ้อโกงทางธนาคารจริงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม Tether ได้ออกมาตอบกลับรายงานดังกล่าวนี้อย่างรวดเร็ว โดยอ้างว่า รายงานดังกล่าวเป็น “ข่าวเก่าที่นำมาเล่าใหม่” พร้อมเน้นย้ำว่าแหล่งข่าวของสื่อได้เลือกที่จะไม่เปิดเผยตัวและมันเป็นความพยายามจะบ่อนทำลายชื่อเสียงของ Tether
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ Tether ได้มีส่วนเกี่ยวข้องมาคดีการฟ้องร้องทางด้านกฎหมายมาแล้วมากมาย รวมถึงคดีการฟ้องร้องเว็บเทรดในเครือของ Tether “Bitfinex” ที่บริษัทยอมจ่ายเงินค่าปรับสูงถึง 18.5 ล้านดอลลาร์เพื่อให้จบคดีกับทางรัฐบาลสหรัฐฯ โดยอัยการรัฐนิวยอร์กกล่าวหาว่า Bitfinex นั้นพยายามปกปิดเงินจำนวน 850 ล้านดอลลาร์ที่หายไป ซึ่งฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของคดี Bitfinex ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ แต่ยินยอมที่จะจัดทำรายงานประจำไตรมาสเกี่ยวกับเงินทุนสำรองเป็นเวลาสองปี โดยครั้งแรกได้มีการเผยแพร่ไปเมื่อเดือนพฤษภาคม
Tether มักอ้างว่าเหรียญ Stablecoin ของพวกเขามีการค้ำประกันจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นหลัก แต่รายงานที่เปิดเผยต่อสาธารณะล่าสุดกลับพบว่า Tether มีสินทรัพย์เพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีเงินสดค้ำประกันอยู่เบื้องหลัง ซึ่งส่วนใหญ่ถูกพบว่าเป็นสินเชื่อหรือเงินกู้ที่ไม่มีหลักประกัน
ข้อกล่าวหาล่าสุดเกิดขึ้นท่ามกลางการตรวจสอบเหรียญ Stablecoin ที่เข้มงวดมากขึ้นของรัฐบาลสหรัฐฯ เนื่องจากนาย Gary Gensler ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และนาง Janet Yellen รัฐมนตรีกระทรวงการคลังต่างก็เรียกร้องให้มีการควบคุมอุตสาหกรรมแห่งนี้เพิ่มเติม เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Gensler กล่าวว่า Cryptocurrency ที่มีมูลค่าอิงตามสินทรัพย์แบบดั้งเดิม เช่นเหรียญ Stablecoin นั้นอาจตกอยู่ภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ฉบับเดียวกันกับกฎหมายที่ใช้ควบคุมสินทรัพย์อ้างอิง
ในขณะเดียวกันนาง Yellen ได้ออกมากล่าวว่า หน่วยงานกำกับดูแลจำเป็นต้อง “ดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อให้แน่ใจว่ามีกรอบการกำกับดูแลที่เหมาะสม” สำหรับเหรียญ Stablecoin ความกังวลของ Yellen นั้นเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เธอมองว่าเป็น “ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ใช้งาน ระบบการเงินและความมั่นคงของประเทศ”