<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

โมเดล Wyckoff เชื่อถือได้หรือไม่ และราคา Bitcoin จะเป็นอย่างไรต่อไป

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในช่วงที่ตลาดคริปโตซบเซากินระยะเวลามาอย่างยาวนานร่วม 4 เดือน หลังจากราคา Bitcoin หลุดระดับ $60,000 เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผานมา ปัจจุบันเราได้เห็นราคาของ Bitcoin ขึ้นมาทดสอบระดับ $41,000 สิ่งนี้อาจทำให้นักเทรดคริปโตใจชื้นขึ้นมาบ้าง แต่นอกจากนั้นแล้วหากมองให้ลึกลงไปเราจะพบว่าการเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin ทั้งในช่วงตลาดขาขึ้นก่อนทำ ATH และตลาดในปัจจุบันดูเหมือนจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับทฤษฎีชื่อดังที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดในช่วงนี้ “Wyckoff”

ทฤษฎีของ Wyckoff นั้นเป็นกระแสโด่งดังอย่างมากในช่วงตลาดขาลงและช่วงนี้ เนื่องจากเมื่อนำภาพการเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin มาเทียบกับตำราของ Wyckoff ดูแล้วมันแทบจะตรงตามกราฟในทฤษฎีของ Wyckoff ทำให้เป็นที่ฮือฮาและเกิดการโต้เถียงกันเป็นอย่างมาก วันนี้เราจะไปรู้จักกับทฤษฎีดังกล่าวกัน

Wyckoff Theory กับราคา Bitcoin ที่เคลื่อนไหวราวกับแฝด

Wyckoff Theory นั้นเป็นทฤษฎีการวิเคราะห์ราคาทางเทคนิคที่โด่งดังของนาย Richard Demille Wyckoff ผู้บุกเบิกการวิเคราะห์ทางเทคนิคในช่วงก่อนศตวรรษที่ 20 หรือ 100 กว่าปีที่แล้ว จากการศึกษาพฤติกรรมของนักลงทุนรายใหญ่ที่มักเอาเปรียบนักลงทุนรายย่อย ซึ่งจากประสบการณ์และองค์ความรู้ของเขานั้นทำให้เขาได้สร้างสถาบันสอนการลงทุน โดยเนื้อหาที่สำคัญและมีชื่อเสียงมากที่สุดนั่นก็คือการอธิบายการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสะสม (Accumulation) และระยะแจกจ่าย (Distribution)

และหากย้อนกลับไปดูการเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาจะพบว่ามีรูปแบบลักษณะคล้ายคลึงกับทฤษฎีของ Wyckoff ในระยะแจกจ่าย (Distribution) จนน่าตกใจ

โดยในทฤษฎี Distribution: Wyckoff Events หรือระยะแจกจ่าย (Distribution) นั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 5 Phase ด้วยกันดังนี้

Phase A: เป็น Phase ที่การพุ่งขึ้นของราคาเริ่มชะลอตัวลงมีการซื้อขายในกรอบซื้อขาย เป็นสัญญาณเตือนว่ามีกำลังซื้ออ่อนแรงและมีแรงขายทำกำไรเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้มีการกลับตัวของราคาในอนาคต

Phase B: ในระยะนี้จะเริ่มเป็นการทำกำไรทยอยเทขายของนักลงทุนรายใหญ่ แต่จะเทขายเพียงบางส่วนเท่านั้น ทำให้การคเลื่อนไหวของราคามีลักษณะ Sideway และมีสัญญาณบ่งบอกว่าจะมีแนวโน้มเข้าสู่ขาลง

Phase C: ใน Phase นี้จะเป็นการทดสอบแรงซื้อว่ายังคงมีอยู่หรือไม่ หรือจะมองว่าเป็นกับดักกระทิง (Bull Trap) ก็ได้เช่นกัน

Phase D: ถือเป็นช่วงที่มีแรงซื้อเข้ามาทดสอบเป็นรอบสุดท้ายแต่จะมีแรงเทขายอย่างต่อเนื่องมาสู้กัน แต่ทุกครั้งก็จะเกิด New Low และแม้จะมีการฟื้นตัวบ้าง แต่เป็นการฟื้นตัวเพื่อลงต่อทำ Lower Low เป็นการบ่งบอกว่าแรงขายมีมากกว่าและเตรียมเข้าสู้โหมดขาลง

Phase E: ระยะนี้เป็นการยืนยันในการเปลี่ยนเทรนด์ของราคาแม้ว่าจะมีการฟื้นตัวเล็กน้อย แต่ไม่สามารถสู้แรงขายได้ประกอบกับเครื่องมือการทำกำไรในตลาดขาลงอย่างสัญญาฟิวเจอร์สและออปชัน ทำให้ต้องรอจนกว่าจะจบ Phase นี้และพร้อมเข้าสู่ระยะสะสม (Accumulation)

หรือปัจจุบัน Wyckoff Theory กำลังบ่งบอกถึงการกลับตัวเป็นขาขึ้นของ Bitcoin

ปัจจุบันราคา Bitcoin ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ $38,000 ถึง $42,000 และหลังจากการพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้ผู้คนต่างหยิบยกทฤษฎี Wyckoff ขึ้นมาพูดถึงกันอีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้มันได้แสดงให้เราเห็นแล้วว่า Distribution: Wyckoff Events นั้นใกล้เคียงมากน้อยแค่ไหนกับราคา Bitcoin ในช่วงของการทำจุดสูงสุดตลอดกาล

ส่วนในปัจจุบันดูเหมือนว่าการเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin จะมีแนวโน้มใกล้เคียงกับทฤษฎีของ Wyckoff อีกครั้ง เพราะในครั้งนี้มันมาในรูปแบบของระยะสะสม (Accumulation) หลังจากผ่านพ้นของระยะการแจกจ่าย (Distribution) ที่ได้กล่าวถึงไปก่อนหน้านี้

โดยในทฤษฎี Accumulation: Wyckoff Events หรือระยะสะสม (Accumulation) นั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 5 Phase เช่นเดียวกันกับระยะแจกจ่าย (Distribution)

Phase A: เป็นช่วงการร่วงลงของราคาในระยะสุดท้ายของระยะแจกจ่าย (Distribution) ต่อเนื่องจนมาเป็น Phase A ของระยะสะสม (Accumulation) และเริ่มมีแรงซื้อเข้ามาสนับสนุน

Phase B: ใน Phase นี้จะเป็นการเขย่าราคาของนักลงทุนรายใหญ่เพื่อที่จะให้นักลงทุนรายย่อยขายของออกมา และนักลงทุนรายใหญ่จะได้สะสมหุ้นหรือสินค้าให้ได้มากที่สุด

Phase C: เป็นช่วงการทดสอบแรงเทขายในระยะสุดท้าย จะเห็นไดว่ามีการหลุด Low เดิมที่ Spring แต่ก็จะสามารถกลับขึ้นมาได้ในระยะเวลาอันสั้นเพื่อต้องการให้รายย่อยเทขายให้หมดและเตรียมร้อมเข้าสู่โหมดขาขึ้นต่อไป

Phase D: หลังจากนี้จะเกิดแรงซื้อที่มากขึ้นพร้อมกับ Volume ส่งผลให้ราคามีการทะยานขึ้น อย่างไรก็ตามจะมีแรงเทขายระหว่างทางกดดันให้ราคาขึ้นลงเรื่อย ๆ

Phase E: หลังจากที่ Breakout ทะลุไปได้ เป็นการยืนยันว่าแรงเทขายได้พ่ายแพ้ให้กับแรงซื้อเรียบร้อยแล้วและราคาก็จะเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงทฤษฎีที่เกิดขึ้นมานานกว่า 100 ปีแล้ว และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ราคา Bitcoin ในปัจจุบันมีการเคลื่อนไหวใกล้เคียงกัน ทำให้นักวิเคราะห์และนักลงทุนจำนวนมากต่างหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดคุยกันในช่วงที่ตลาดซบเซา อาจต้องใช้วิจารณญาณ ความรู้ ปัจจัยพื้นฐานประกอบ

ต้องติดตามกันต่อว่าราคา Bitcoin ในช่วงนี้จะเป็นไปในทิศทางใดและสอดคล้องกับทฤษฎีของ Wyckoff หรือไม่ นักลงทุนไม่ควรพลาดการติดตามข่าวสาร