การอัพเกรด London Hardfork ที่หลายคนเฝ้ารอคอยกันอย่างใจจดใจจ่อได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วในช่วงเมื่อวานนี้ และได้ทำการเบิร์นเหรียญ ETH ไปเป็นมูลค่าหลายล้านดอลลาร์
การอัปเกรด London Hardfork นั้นได้มาพร้อมกับข้อเสนอ EIP-1559 กลไกค่าธรรมเนียมการปรับตั้งค่าการทำธุรกรรมบนเครือข่าย ส่งผลทำให้ค่าธรรมเนียมเริ่มต้นในการทำธุรกรรมบน Ethereum Blockchain ตอนนี้ถูกเบิร์นทิ้งอย่างต่อเนื่อง และกระบวนการทำงานนี้ยังเป็นไปอย่างราบรื่น นับตั้งแต่เปิดตัว
พร้อมกันนี้ยังมีรายงานว่า หลังจากการอัปเกรดเมื่อช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา การทำธุรกรรมบนเครือข่ายได้มีการเบิร์นเหรียญสะสมคิดเป็นจำนวนสูงถึง 3,630 ETH หรือประมาณ 10 ล้านดอลลาร์ ตามเรทราคาเหรียญปัจจุบัน
และด้วยอัตราการเบิร์นเหรียญในปัจจุบันที่ 2.47 ETH ต่อนาที นั้นหมายความว่าเครือข่ายจะสามารถเบิร์นโทเค็นได้อยู่ที่ราว ๆ 3,500 ETH ต่อวันเลยทีเดียว
ในระยะยาวการเบิร์นเหรียญอย่างต่อเนื่องนี้ จะส่งผลทำให้อุปทานของเหรียญเกิดความขาดแคลนอย่างชัดเจน และเมื่อรวมกับแนวโน้มที่เครือข่ายจะเปลี่ยนผ่านไปสู่กลไก Proof-of-stake แล้ว สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้สถานะของ Ethereum ถูกเปลี่ยนจากสินทรัพย์รูปแบบเงินเฟ้อไปเป็นเงินฝืด และผลักดันมูลค่าของเหรียญให้เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
นาย Ben Giove ประธานบริษัท Chapman Crypto ได้ตั้งสมมติฐานบางอย่างเกี่ยวกับตัวเลขการเบิร์นเหรียญของ Ethereum ในจดหมายข่าวของ Bankless ว่า แม้ค่าธรรมเนียมพื้นฐานของ Ethereum Block จะมีผันผวนสูง ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะสามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ
แต่อย่างไรก็ตาม Ben ได้ทำประเมินคร่าว ๆ จากอัตราการเบิร์นเหรียญที่ 25% ถึง 75% และพบว่าการเบิร์นเหรียญ Ethereum ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ น่าจะอยู่ที่ช่วงระหว่าง 467,000 ถึง 1.4 ล้าน ETH และหากปรับตัวเลขดังกล่าวเป็นแบบรายปี มันจะส่งผลให้มีการเบิร์นเหรียญอยู่ระหว่าง 800,000 ถึง 2.4 ล้าน ETH
ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงการประมาณผลลัพธ์แบบคร่าว ๆ อิงตามค่าแปรผันที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา แต่ Ben พยายามเน้นย้ำให้ทุกคนเห็นถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่ออุปทานเหรียญและการเบิร์นค่าธรรมเนียมที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้