<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ราคา Bitcoin ร่วงแรง หลัง Fed ส่งสัญญาณทำ Tapering

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Bitcoin ราคาร่วงลงต่ำกว่า 44,000 ดอลลาร์ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นหลังจากการประชุมนโยบายของธนาคารที่จะจำกัดการซื้อพันธบัตรรัฐบาลในปีนี้

ราคา BTC/USD ลดลง 1.71% สู่ระดับต่ำสุด หลังจากที่ Bitcoin และดอลลาร์สหรัฐฯ ต่างแข็งค่าขึ้นพร้อมกันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการปรับฐานครั้งใหญ่หลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนที่ 48,176 ดอลลาร์ โดยการปรับฐานในครั้งนี้เกิดขึ้นจากการที่นักลงทุนเปลี่ยนแปลงจำนวนเงินลงทุนไปที่ดอลลาร์สหรัฐฯ จากการประชุมของธนาคารกลางที่เกิดขึ้น

การลดลงของราคา Bitcoin ก็สอดคล้องกับดัชนี Wall Street เช่น ดัชนี S&P 500 หายไป 47.81 จุดหรือ 1.1% ลดลงเป็น 4,400.27 ในช่วงเวลาการซื้อขายสุดท้ายของวันพุธ ในทำนองเดียวกัน Dow Jones และ Nasdaq Composite ก็ร่วงลง 1.1% และ 0.9% ตามลำดับ 

ในทางกลับกันดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) แข็งค่าขึ้นและพุ่งขึ้นกว่า 0.39% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนที่ 93.50 ก่อนจะปรับฐานคงที่แม้ว่าจะเป็นทำกำไรเพียงเล็กน้อยก็ตาม

การประชุมในวันที่ 27-28 กรกฎาคมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงฉันทามติที่จะจำกัดการซื้อพันธบัตรของกระทรวงการคลังและหลักทรัพย์ค้ำประกันด้วยมูลค่า 120,000 ล้านดอลลาร์

เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในสถานการณ์คงที่แล้ว ซึ่งถึงเวลาที่เหมาะสมในการลดการซื้อพันธบัตร โดยธนาคารกลางจะไม่เปิดเผยว่าจะทำการลดการซื้อพันธบัตรเมื่อไรแม้ว่าจะเหลือการประชุมกับคณะกรรมการตลาดกลางแห่งสหพันธรัฐอีกเพียง 3 ครั้งเท่านั้นในปีนี้

แม้ว่าที่ผ่านมาพวกเขาจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อฟื้นตัวทางเศรษฐกิจตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เมื่อปีที่แล้ว แต่ในการประชุมยังคงกังวลถึงการฟื้นตัวของตลาดแรงงานจากผลของโรคระบาดใหญ่อย่างโควิด-19 ที่ต้องการให้การทำ Tapering ในครั้งนี้ส่งผลกระทบในด้านดีต่อเศรษฐกิจทั่วสหรัฐฯ 

Bitcoin น่าสนใจหรือไม่?

การซื้อพันธบัตรมากเกินไปส่งผลให้ผลตอบแทนจากหนี้ของสหรัฐฯ ลดลงเหลือ 0.66% ในปี 2563 และกลับมาสูงสุดในรอบ 6 เดือนเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ 16.5 ล้านล้านดอลลาร์ แม้ว่าต้นปี 2564 ที่ผ่านมาจะมีอัตราผลตอบแทนใกล้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

ทำให้ Bitcoin กลายมาเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนดอลลาณ์สหรัฐฯ และทองคำในปี 2020 ซึ่งควบคู่กับดัชนี Wall Street ในปี 2564 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใกล้ 65,000 ดอลลาร์ 

แต่ยังคงมีคำถามอยู่ตลอดว่าการลดการซื้อพันธบัตรจะทำให้เงินหมุนเวียนออกจากตลาดหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ Bitcoin ทำกำไรได้มากกว่า 1,000% หลังจากการแนะนำของ FED ในเดือนมีนาคม 2020

Jon Ovadia ผู้ก่อตั้ง Ovex บริษัทแลกเปลี่ยน crypto ในแอฟริกาใต้กล่าวว่าการลดการซื้อพันธบัตรของ FED มีแนวโน้มที่จะทำให้ Bitcoin และสินทรัพที่คล้ายคลึงกันหยุดเติบโตในระยะอันใกล้นี้ เนื่องจาก FED ต้องการรักษาเศรษฐกิจภายในประเทศให้แข็งแกร่งยิ่งกว่า

อย่างไรก็ตาม ในด้านเศรษฐกิจมหภาค นักลงทุน Bitcoin จะต้องคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และยึดถือปัจจัยพื้นฐานอื่น ๆ ที่มีอยู่มากมายในตลาดคริปโตเพื่อรักษาราคาให้อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

Bitcoin อาจปรับฐานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ภายในปี 2565

James Wo ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Digital Finance Group เรียกราคา Bitcoinและตลาดตราสารทุนว่าเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกัน แต่เขาเน้นว่าสินทรัพย์ดิจิทัลจะยังคงมีโมเมนตัมขาขึ้นในระยะยาวเนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และจะแตะระดับสูงสุดตลาดกาลภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2564 หรือไตรมาสที่ 1 ปี 2565

อย่างไรก็ดีการที่เงินดอลลาร์และ Bitcoin แข็งค่าขึ้นไปพร้อม ๆ กันก่อนที่จะร่วงลงมาปรับฐานเล็กน้อยนั้น ถือเป็นแนวโน้มที่ดีที่แสดงให้เห็นว่าสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Bitcoin อาจจะเข้ามาเป็นสกุลเงินดิจิทัลกลางในอนาคต ซึ่งมาเหนือดอลลาร์สหรัฐฯ ที่กำลังเจอผลกระทบอย่างหนักเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น