ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาอุตสาหกรรมทั้งหมดต่างชื่นชมยินดีไปกับโทเค็นที่ไม่สามารถมีซ้ำกันได้ ( NFT) ซึ่งเป็นของสะสมดิจิทัลที่ถูกเก็บข้อมูลไว้บนเทคโนโลยีบล็อกเชนและสามารถเป็นตัวแทนของอะไรก็ได้ตั้งแต่ผลงานศิลปะ ดนตรี หรือแม้แต่สินทรัพย์ในโลกแห่งความเป็นจริง
กระแสนิยมใน NFT ที่เติบโตเพิ่มขึ้นทำให้เราได้เห็นนักลงทุนมากมาย ยอมจ่ายเงินมูลค่ามหาศาลเพียงเพื่อซื้อ NFT เช่น ผลงานศิลปะของ Beeple “First 5000 Days” ที่ถูกขายไปในราคา 69 ล้านดอลลาร์ หรือแม้แต่บริษัทโซเซียลอย่าง Twitter และ Visa ก็ได้กระโดดเข้ามาร่วงวงในพื้นที่แห่งนี้ด้วยเช่นกัน โดย Twitter ได้เปิดตัวคอลเลกชัน NFT เป็นของตัวเอง ในขณะที่ Visa เพิ่งซื้อ CryptoPunk NFT ตัวแรกในราคา $160,000
และเมื่อเร็ว ๆ นี้ ความสนใจทั้งหมดได้มุ่งเป้าที่ EtherRocks หนึ่งในคอลเล็กชัน NFT ที่เก่าแก่ที่สุดที่และกำลังได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม
นักลงทุนคริปโตและนักสะสม NFT ตัวยงต่างให้ความสนใจกับก้อนหินเสมือนจริงเหล่านี้ และราคาของพวกมันก็พุ่งสูงขึ้นอย่างน่ากลัว แต่ ETHRock คืออะไรกันแน่ และทำไมมันถึงมีมูลค่าขึ้นมา ?
EtherRocks คืออะไร?
EtherRocks หรือ ETHRocks นั้นเป็นคอลเล็กชันที่ถูกสร้างขึ้นมาพร้อม ๆ กับ CryptoPunks ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงเมื่อไม่นานมานี้และเคยขายได้เป็นมูลค่าสูงถึง 11.7 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ ๆ 4 ร้อยล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งทั้ง EtherRocks และ CryptoPunks ต่างถูกสร้างขึ้นมาในปีเดียวกันคือปี 2017
ก็ตามชื่อของมัน EtherRock คือ ‘ก้อนหิน’ ที่ถูกสร้างขึ้นมาบนเครือข่ายของ Ethereum Blockchain โดยในคอลเล็กชันจะประกอบไปด้วย หินหลากสีสันและรูปร่างหน้าตาที่อาจเหมือนและไม่เหมือนกัน โดยมันได้รับแรงบันดาลใจมาจากของเล่น ‘Pet Rock’ ที่ได้รับความนิยมในยุค 70 และสำหรับ EtherRocks จะมีจำนวนจำกัดอยู่แค่เพียง 100 ชิ้นเท่านั้น
ที่น่าสนใจคือ EtherRocks ชิ้นแรกถูกขายออกไปในราคาเพียงแค่ 0.0999 ETH หรือราวๆ 1 หมื่นบาทเท่านั้นเอง ซึ่งจริงๆ มันก็ฟังดูเป็นมูลค่าที่ค่อนข้างแพงสำหรับก้อนหินก้อนหนึ่ง แต่หินก้อนต่อ ๆ มาก็ถูกขายกันที่ราวๆ 0.1 ถึง 0.36 ETH และราคาของมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมีหินก้อนอื่น ๆ ถูก Mint ขึ้นมา (ถูกสร้างขึ้นมาใหม่) โดยในช่วง 3 ปีแรก EtherRocks นั้นได้ถูกขายไปได้เพียงแค่ราว 20 ชิ้น จาก 100 ชิ้นเท่านั้น
Ether Rock ที่แพงที่สุด
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว EtherRocks ถูกตั้งขายอยู่ที่ 31 ETH หรือราว 3 ล้านกว่าบาท ไปจนถึงราคา 626,262 ETH หรือราว 6 หมื่นกว่าล้านบาทต่อหนึ่งชิ้น แต่ปัจจุบันก็ยังไม่มีใครที่ซื้อในราคานั้น โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ‘ETHRock #21’ ถูกขายไปที่ 45 ETH หรือเกือบๆ 5 ล้านบาทในช่วงเวลานั้น
ความบ้าคลั่งไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น เพราะไม่กี่วันถัดมาราคาก็ดีดตัวขึ้นมาอย่างสูง ปัจจุบันชิ้นที่ถูกที่สุดถูกตั้งขายอยู่ที่ 317 ETH (ราว 33 ล้านบาท) และถึงแม้ราคาจะดีดตัวขึ้นมาอย่างสูงขนาดนี้ แต่ก็ยังมีผู้คนพร้อมที่จะควักเงินซื้ออยู่เรื่อย ๆ
อย่างไรก็ตาม EtherRocks จะไม่เหมือนกับ NFT ทั่วๆ ไป มันไม่ได้เปิดให้มีการซื้อขายกันในตลาด NFT แต่ผู้ซื้อจะต้องเข้าไปซื้อในเว็บไซต์ของ EtherRocks โดยตรงเท่านั้น และก็มี 1 ชิ้นที่ถูกซื้อไปโดยนาย Justin Sun ผู้ก่อตั้งโปรเจกต์ TRON
มูลค่าของ ETHrocks มาจากอะไร
แม้ว่า EtherRocks นั้นจะถูกพูดถึงกันอย่างล้นหลาม แต่มันก็สามารถบอกได้ว่ามูลค่าในปัจจุบันของมันนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่ รวมไปถึงข้อมูลในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ EtherRocks ก็ระบุชัดเจนว่ามันไม่มีมูลค่าและไม่มีจุดประสงค์ใดๆ เลย
“หินพวกนี้มันไม่มีจุดประสงค์ใดๆ นอกจากการที่มันสามารถซื้อขายได้ และให้คุณภูมิใจว่าได้เป็นเจ้าของ 1 ใน 100 ชิ้นนี้” เว็บไซต์เขียนระบุ
แล้วอะไรทำให้มันราคาแพงขนาดนี้? ผู้ซื้อหลายคนกล่าวว่า เขาก็เพียงแค่อยากมีส่วนร่วมกับคอลเล็กชัน NFT ที่ยิ่งใหญ่รองมาเป็นอันดับสองรองจาก CryptoPunks และมันก็ยังมีเหลือให้ซื้อก็เท่านั้นเอง
นอกจากนี้หลายๆ คนมองว่าราคามันก็จะพุ่งขึ้นไปอีก รวมไปถึงการจับตามองเพื่อเก็งกำไรจากนักลงทุนสถาบัน สิ่งนี้ยิ่งกระตุ้นความน่าสนใจให้คนเข้ามาซื้อเพิ่มมากขึ้นไปอีก
คุณซื้อ Ether Rocks ได้ยังไง
เช่นเดียวกับ dApp อื่น ๆ บนเครือข่าย Ethereum ผู้ใช้ต้องเชื่อมต่อกระเป๋าเงิน MetaMask เข้ากับเว็บไซต์ทางการโดยใช้ปุ่ม “เชื่อมต่อกับ MetaMask” และทำตามคำแนะนำในส่วนขยาย MetaMask เพื่อเชื่อมต่อกระเป๋าเงินเข้ากับเว็บไซต์ EtherRock.com เพียงเท่านี้คุณก็จะสามารถซื้อ EtherRocks ได้แล้ว
Ether Rocks เป็นแค่เทรนด์ช่วงหนึ่งหรือเปล่า ?
เนื่องจาก EtherRocks นั้นไม่มีจุดประสงค์ที่แท้จริง นักวิจารณ์จึงโต้แย้งว่านี่เป็นเพียงอีกเทกระแสช่วงหนึ่งที่ผ่านเข้ามาและผ่านไปในพื้นที่โลกคริปโตเท่านั้น ที่ได้รับแรงขับเคลื่อนจากตลาด NFT
แต่อย่างไรก็ดี ราคาของก้อนหิน NFT เหล่านี้กำลังเพิ่มขึ้นทุกนาที ทำให้เหล่านักลงทุนกระเป๋าหนักก็พร้อมที่จะควักเงินซื้อ แม้ว่าวันหนึ่งแล้วมันจะเป็นแค่เรื่องราวในอดีตเช่นเดียวกับยุคทองของ ICO ก็ตาม