อย่างที่เราทราบกันดีว่าประเทศ “จีน” และประชากรชาวจีนนั้นเป็นหนึ่งในผู้เล่นคริปโตและ Bitcoin ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก จะเห็นได้จากเม็ดเงินมูลค่ามหาศาลที่ไหลเข้าสู่ตลาดคริปโตในปีนี้ และแม้กระทั่งเม็ดเงินที่ไหลออกจากข่าวคราวการแบนของจีน ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ราคา Bitcoin ร่วงลงอย่างรุนแรงได้เช่นกัน
วันนี้ทาง Siam Blockchain ได้รวบรวมสุดยอดข่าวการ FUD และการแบน Bitcoin ของจีนที่ส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ได้เกิดขึ้นมานานนับสิบปีหรือเรียกได้ว่าตั้งแต่ Bitcoin เริ่มมีมูลค่าก็เป็นได้ จะมีอะไรบ้างไปติดตามกันได้ในบทความนี้
ไทม์ไลน์การแบน Bitcoin ครั้งสำคัญของจีนในรอบทศวรรษที่ผ่านมา
อ้างอิงจากกราฟราคาและช่วงเวลาของข่าวการ FUD จากจีนตามรูปประกอบด้านล่างเผยให้เห็นว่าในช่วงปี 2012 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน มีเหตุการณ์สำคัญและข่าวการแบน Bitcoin มากมายที่ออกมาจากจีน ซึ่งส่วนใหญ่นั้นส่งผลให้ตลาดเกิดความกังวลเนื่องจากประเทศจีนเป็นประเทศมหาอำนาจในโลกและยังเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี
ที่มา: TradingView
2009 – จีนประกาศแบนสกุลเงินดิจิทัลในการใช้ชำระสิ่งของและบริการในชีวิตประจำวัน
เพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่ Bitcoin ได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 2009 ทางการของจีนได้ออกมาประกาศห้ามใช้สกุลเงินดิจิทัลในการชำระสินค้าบริการต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เนื่องจากความกังวลในการด้อยค่าของสกุลเงินหยวน เรียกได้ว่าเป็นการประกาศแบนอย่างทันท่วงที และการประกาศนี้ยังรวมไปถึงการแบนสกุลเงินในโลกของเกมอีกด้วย
2013 – จีนโจมตี Bitcoin ว่าเป็น “สกุลเงินที่ไม่มีมูลค่าจริง”
ในปี 2013 เรียกได้ว่าเป็นปีทองของ Bitcoin อย่างแท้จริงโดยมูลค่าของมันได้เพิ่มขึ้นจากหลักสิบดอลลาร์พุ่งไปถึง $1,100 ในช่วงปลายปี จากนั้นทางธนาคารประชาชนจีน (PBoC) ได้ออกมาโจมตี Bitcoin ว่ามันเป็นสกุลเงินที่ไม่มีมูลค่าที่แท้จริง และยังประกาศให้สถาบันการเงินทุกแห่งของจีนหยุดให้บริการและดำเนินการธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin ทั้งสิ้น
สิ่งนี้ส่งผลให้ราคา Bitcoin ร่วงลงอย่างรุนแรงเพียงไม่กี่วันให้หลังจากระดับราคา $1,100 สู่จุดต่ำสุดที่ระดับ 100 คิดเป็นการร่วงลงครั้งสำคัญกว่า 90% ในระยะเวลาเพียง 2 เดือนเท่านั้น
2014 – ความกังวลข่าว FUD ของจีนทำให้ตลาดคริปโตกลายเป็นขาลง
หลังจากที่ธนาคารประชาชนจีนได้ออกมาโจมตี Bitcoin ในปลายปี 2013 ทำให้ในปีต่อมาตลาดกลายเป็นขาลงอย่างซบเซา ประกอบกับข่าวการสั่งห้ามทำธุรกรรมเกี่ยวกับ Bitcoin ของจีนอย่างเข้มงวดอีกครั้ง แม้ว่าภายหลังจะมีการสืบค้นว่าข่าวดังกล่าวเป็นข่าวปลอม แต่ก็มิวายที่จะทำให้นักเทรดนั้นต่างกังวลจนทำให้ราคาร่วงลงอย่างต่อเนื่องตลอดปี
2017 – กระดานเทรดคริปโตในจีนถูกสั่งให้ยุติการให้บริการ
ปี 2017 เป็นอีกหนึ่งปีที่ราคา Bitcoin ได้พุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรงจึงทำให้ทางการจีนจับตาเป็นพิเศษ โดยในเดือนกันยายน 2017 ทางการจีนเล็งเห็นถึงปัญหาอาชญกรรมทางอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งพวกเขาอ้างว่าปัญหาเหล่านี้มาจากการใช้สกุลเงินดิจทัลที่ผิดกฎหมาย ดังนั้นจึงมีการสั่งยุติการให้บริการของกระดานเทรดคริปโตในจีน
รวมไปถึงการห้ามเสนอขายเหรียญ หรือ ICO ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปีนั้น โดยธนาคารประชาชนจีนกล่าวอ้างว่าเป็นการกระทำที่ไม่ได้รับอนุญาตและผิดกฎหมาย เหตุการณ์เหล่านี้ได้ส่งผลให้ราคา Bitcoin จากจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 20,000 ร่วงลงอย่างรุนแรงในปีต่อมาสู้ระดับ $6,000
2018 – ข่าวลือปราบปรามการขุด Bitcoin
ในปีนี้ราคา Bitcoin ยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่องจากเหตุการณ์การแบนและสั่งระงับการให้บริการของกระดานเทรดคริปโตในจีน นอกจากนี้ยังมีข่าวลือเรื่องการปราบปรามการขุด Bitcoin ในจีนออกมาเป็นระยะตลอดปี และในเดือนสิงหาคมทางการของจีนได้เผยเอกสารการแบนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตทุกชนิด สิ่งนี้ยิ่งตอกย้ำว่าจีนเริ่มจริงจังกับการแบนคริปโตเคอร์เรนซี
2019 – จีนสั่งระงับการขุด Bitcoin อย่างเข้มงวด
จากข่าวลือการปราบปรามการขุด Bitcoin ในปีก่อนได้รับการยืนยันจากกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) ที่ระบุว่าหน่วยงานกำลังวางแผนกำจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin ให้หมดจากประเทศจีน เนื่องด้วยปัญหามลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมและการไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดได้
นอกจากนี้ยังธนาคารประชาชนจีน (PBoC) ได้ประกาศว่าการทำ ICO เว็บไซต์ กระดานเทรดทั้งในและต่างประเทศจะถูกจำกัดการเข้าถึงอย่างจริงจัง ส่งผลให้ราคาตลาดคริปโตและ Bitcoin ซบเซาลงอีกครั้ง
2020 – เสนอร่างกฎหมายข้ามซื้อขาย Bitcoin และหยุดจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับเหล่านักขุด
ในเดือนตุลาคมทางรัฐบาลจีนได้เสนอร่างกฎหมายห้ามบุคคลหรือองค์กรทำการซื้อขาย Bitcoin ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากนั้นไม่กี่เดือนต่อมาสื่อท้องถิ่นรายงานว่ารัฐบาลมีคำสั่งให้หยุดจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับเหมืองขุด Bitcoin
เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่ออัตราการขุด Hash Rate และนักขุด Bitcoin ในจีนอย่างใหญ่หลวงจากการประกาศอย่างเป็นทางการของหน่วยงานท้องถิ่นในจีนในการหยุดจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับนักขุด Bitcoin ในเมืองสำคัญทางภาคตะวันตกของจีน ๆ เช่น มณฑลเสฉวน มณฑลซินเจียง
2021 – ตะเพิดนักขุดและเหมืองขุด Bitcoin ให้ออกจากจีนอย่างทันที
ในปีนี้เองมีรายงานระบุว่าทางการของจีนได้มีการรณรงค์และปราบปรามกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตและ Bitcoin อย่างต่อเนื่อง โดยมีการย้ำเตือนประชาชนกว่า 20 ครั้งในรอบปีถึงความเสี่ยงและอันตรายจากสกุลเงินดิจิทัล
พฤษภาคม – ซึ่งเริ่มต้นในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาทางการของจีนออกประกาศปราบปรามการค้าและการขุด Bitcoin โดยเฉพาะการประกาศระงับการขุด Bitcoin ในมองโกเลีย จากนั้นมีการประชุมพูดคุยเกี่ยวกับผลกระทบในการปราบปรามเหมืองขุด Bitcoin ที่มณฑลเสฉวน
มิถุนายน – ต่อมาในเดือนมิถุนายนมีการตรวจสอบเหมืองขุด Bitcoin ที่ยูนานและระงับการจ่ายไฟฟ้าให้กับเหมืองขุด จากนั้นมีคำสั่งให้ยุติการขุดและทำการโยกย้ายเหมืองขุดออกจากจีนภายในระยะเวลา 3 วันที่มณฑลเสฉวน
กรกฎาคม – ทางการจีนออกมาประกาศเตือนถึงสถาบันการเงินต่าง ๆ ให้ยุติการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin
สิงหาคม – รัฐบาลจีนออกมาประกาศปิด China Blockchain ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มศูนย์กลาง Blockchain ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในจีน
และล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาทางการจีนได้ออกมาประกาศแบนการทำธุรกรรมคริปโตทั้งหมดในประเทศ โดย PBoC หรือธนาคารประชาชนจีนระบุว่าการทำธุรกรรมเกี่ยวกับคริปโตนั้นผิดกฎหมาย ตามที่ทาง Siam Blockchain ได้รายงานไป ส่งผลให้ราคา Bitcoin ยังคงซบเซาและยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาสดใสอีกครั้งเหมือนในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา
Bitcoin กับข่าว FUD จะเดินคู่กันไปในอนาคตหรือไม่?
นอกจากนี้ในรอบทศวรรษที่ผ่านมาเรายังจะได้เห็นข่าวการแบนและข่าว FUD ยิบย่อยมากมายที่นับไม่ถ้วนออกมาจากทางจีน หรือแม้กระทั่งจากประเทศชั้นนำทั่วโลกหรือสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ ซึ่งสิ่งนี้เรียกได้ว่าเป็นเรื่อง “ปกติ” ในโลกคริปโตเคอร์เรนซีกันไปแล้ว
โดยสิ่งที่ตามมานั้นก็คือการตอบสนองของราคา Bitcoin และเหรียญคริปโตในตลาดอย่างทันที เกิดร่วงลงของราคาอย่างฉับพลันแทบจะทุกครั้งที่มีการปล่อยข่าว FUD หรือการแบนออกมา เป็นที่น่าสังเกตว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ Bitcoin ก็ยังคงยืนหยัดและทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีเยี่ยม
แม้ว่าจะถูก “ฆ่า” ให้ตายจากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการแบน การปราบปรามการทำธุรกรรม ห้ามเหมืองขุด หรือแม้แต่ห้ามถือครอง Bitcoin เองก็ตาม มันได้แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่มีสิ่งใดมาหยุดมันได้ เช่นเดียวกับปัจจุบันที่ดูเหมือนว่าอิทธิพลของ “ข่าว” จะมีเหนือศักยภาพที่แท้จริงของ Bitcoin และสิ่งนี้คงจะดำเนินควบคู่กันไปเปรียบเหมือน “ลิ้นกับฟัน”
ต้องติดตามกันต่อว่าอนาคตจะมีรูปแบบการปล่อยข่าว FUD ใหม่ ๆ อย่างไรบ้าง หรือจะมีการแบน Bitcoin ได้อย่างจริงจังหรือไม่ เป็นสิ่งที่สาวกคริปโตไม่ควรพลาดติดตามข่าวสาร