ในปี 2021 นี้เองเราได้เห็นสินทรัพย์การลงทุนมากมายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับวิกฤตเศรษฐกิจจากพิษ Covid-19 ซึ่งแน่นอนว่าสินทรัพย์แรกที่ทุกคนต่างนึกถึงนั้นเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลยนอกจาก “Bitcoin” ที่ให้ผลตอบแทนเหนือสินทรัพย์การลงทุนดั้งเดิมอย่างทองคำ หุ้น แร่ เงิน อสังหาฯ เป็นต้น
แต่นอกเหนือจากเจ้า “ทองคำดิจิทัล” นี้แล้ว ยังมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์อื่น ๆ ที่มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญเช่น หุ้นบริษัท Tesla และน้ำมันดิบทั้ง WTI และ BRENT ที่ปรับตัวพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในรอบกว่า 3 ปี อันเป็นผลมาจากแรงกดดันในการเปลี่ยนเทรนด์มาใช้พลังงานสะอาดในปัจจุบันโดยผู้รันเทรนด์อย่างบริษัท Tesla
สิ่งนี้ย่อมส่งผลต่อราคาสินค้าอุปโภคบริโภคต่าง ๆ ที่ใช้น้ำมันเป็นต้นทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในแง่ของการผลิตและการขนส่ง ซึ่งจะทำให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเหล่านี้ปรับตัวสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิตและอาจนำไปสู่ “สภาวะเงินเฟ้อ” ในที่สุด
อย่างไรก็ตามสินทรัพย์ที่คาดว่าจะมีแนวโน้มในเชิงบวกกับสภาวะเงินเฟ้ออย่าง Bitcoin ก็ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับตัวเก็บมูลค่าที่อาจกล่าวได้ว่ามีความปลอดภัยกว่าการถือธนบัตรรัฐบาลหรือดอลลาร์ โดยบริษัท Tesla เองก็อาจจะได้ประโยชน์จากกระแสความนิยมในการเปลี่ยนผ่านมาใช้พลังงานสะอาดจึงทำให้มูลค่าหุ้นปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มในการลงทุนใน Bitcoin เพิ่มขึ้นจากการที่เหมืองขุดทยอยเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดในการขุดอีกด้วย
น้ำมันดิบดีดสูงสุดในรอบ 3 ปี ดันเงินเฟ้อพุ่งตลาดคริปโตเตรียมอ้าแขน
จากผลการประชุมล่าสุดของกลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) เมื่อวานนี้ที่ได้มีการสรุปให้ “คงกำลังเพิ่มการผลิตน้ำมันเท่าเดิม” ที่ 400,000 บาร์เรล/วัน ส่งผลให้น้ำมันดิบในตลาดหลักของโลกอย่าง WTI และ BRENT ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอุปสงค์จำนวนมากในตลาดที่ไม่สอดคล้องกับอุปทานที่มีอย่างจำกัด ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในวันนี้จ่อทะลุจุดสูงสุดเดิมในรอบ 3 ปีเข้าไปแล้ว
อ้างอิงราคาน้ำมันดิบ WTI จาก TradingView
อ้างอิงราคาน้ำมันดิบ BRENT จาก TradingView
จะเห็นได้ว่าในปลายปี 2018 เป็นจุดพีคของน้ำมันดิบทั้ง WTI และ BRENT โดยตลาดทั้งสองได้ขึ้นมาแตะจุดสูงสุดบริเวณ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล และในขณะนี้มีแนวโน้มที่จะทลายกำแพงแนวต้านดังกล่าวได้อย่างไม่ยากเย็น ซึ่งหากราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้นแน่นอนว่าสินค้าอุปโภคบริโภคต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันเราที่มีน้ำมันเป็นตุ้นทุนในการผลิต การเกษตร และการขนส่งก็จะยิ่งสูงขึ้นตาม
ทำให้มีการคาดการณ์ว่าระดับ “เงินเฟ้อ” จะรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีกประกอบกับเม็ดเงินจากการอัดฉีดของรัฐบาลเพื่อพยุงเศรษฐกิจในการต่อสู้กับโรคระบาด Covid-19 ยิ่งตอกย้ำได้ว่าสภาวะเงินเฟ้อนั้นใกล้เข้ามาทุกที สิ่งนี้ทำให้หลายคนเชื่อว่า Bitcoin จะเข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญที่จะแก้ไขปัญหาทางการเงินระดับโลกได้
อีกทั้งตลาดคริปโตเคอร์เรนซียังเป็นที่รองรับเม็ดเงินมหาศาลจากการพิมพ์ธนบัตรเพิ่มขึ้นจากรัฐบาล จะเห็นได้จากการอัดฉีดเม็ดเงินของสหรัฐฯ ในช่วงวิกฤตโรคระบาดเมื่อปีที่ผ่านมา ดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไรสภาวะเงินเฟ้อจะมีส่วนร่วมช่วยให้ตลาดแห่งนี้เติบโตได้อีกมาก เมื่อเทียบกับวิกฤตเศรษฐกิจและเงินเฟ้อทั่วโลกที่กำลังเผชิญอยู่
Tesla ได้ประโยชน์จากน้ำมันแพงต่อยอดไปยังการลงทุนใน Bitcoin
แน่นอนว่าการที่ราคาน้ำมันดิบทั่วโลกปรับตัวพุ่งสูงขึ้นอย่างมากในปีนี้ ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนเป็นจำนวนมากในการอุปโภคบริโภค ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ทำให้ผู้คนเริ่มหันไปสนใจการใช้พลังงานสะอาดมากยิ่งขึ้น ซึ่งพลังงานเหล่านี้ก็สามารถทดแทนการใช้น้ำมันได้เป็นอย่างดี
โดยบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Tesla ที่มีจุดเด่นในเรื่องของการใช้พลังงานสะอาดได้เห็นการเติบโตอย่างมากในปีนี้ไม่ว่าจะเป็นยอดการสั่งจองรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น ความสามารถในการผลิตที่ทำสถิติใหม่ และมูลค่าหุ้นที่เติบโตขึ้นทุกวัน สิ่งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผลมาจากการเป็นผู้นำเดินหน้าตามแนวทางของบริษัทที่มุ่งเน้นไปที่การใช้พลังงานสะอาด
ซึ่งผลประกอบการและการเติบโตอย่างรวดเร็วของบริษัท Tesla นี้ ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดค่อนข้างมาก หากปล่อยไว้จะมีแต่ด้อยค่าลงและขาดทุนทุกวัน ส่งผลให้ CEO ใหญ่อย่างนาย Elon Musk กระโดดเข้ามาร่วมวงคริปโต โดยนำเงินสดของบริษัทจำนวนเข้ามาช้อนซื้อ Bitcoin ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้สูญเสียเม็ดเงินจำนวนมากโดยเปล่าประโยชน์
และในอนาคตอาจเป็นชนวนที่ทำให้บริษัท Tesla ของนาย Elon Musk ทำการเข้าซื้อ Bitcoin เพิ่มเติมก็เป็นได้จากการเติบโตของบริษัทที่มุ่งเน้นไปที่พลังงานสะอาดและการเปลี่ยนเทรนด์ของผู้คนในโลก ทำให้ Tesla ได้รับความนิยมและมีเม็ดเงินเหลือมากพอที่จะทำการซื้อ Bitcoin ไว้เป็นตัวเก็บมูลค่าในอนาคต
Elon Musk มีแนวโน้มซื้อ Bitcoin เพิ่มหลังเหมืองขุดทั่วโลกเริ่มเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด
หลังจากกระแสพลังงานสะอาดเริ่มเข้ามามีบทบาททั่วโลกแล้ว วิธีการขุดเหมือง Bitcoin โดยใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นจำนวนมากก็อาจเปลี่ยนไป สิ่งนี้เป็นประเด็นสำคัญที่น่าจับตามอง หากเหมืองขุดทั่วโลกเปลี่ยนกระบวนการใช้พลังงานนี้ได้จริง ไม่แน่บริษัท Tesla อาจมีการลงทุนใน Bitcoin เพิ่มเติม หรือบริษัทยักษ์ใหญ่ชั้นนำของโลกอาจจะกระโดดเข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาดคริปโตก็เป็นได้
จะเห็นได้ว่ากระแสการใช้พลังงานสะอาดนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อตลาดคริปโตที่จะมีผู้เล่นนำเม็ดเงินไหลเข้ามาสู่ตลาดแห่งนี้ นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบก็ยังเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผู้คนเริ่มหันมาสนใจกระแสการใช้พลังงานสะอาดแทนน้ำมันที่ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากปัจจัยที่ว่ามานี้ ไม่แน่เราอาจได้เห็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่อีกครั้งของตลาดคริปโตก็เป็นได้ ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อว่าในอนาคตกระแสการใช้พลังงานสะอาดและราคาน้ำมันโลกจะปรับตัวไปในทิศทางใด จะส่งผลต่อตลาดคริปโตหรือไม่ ไม่ควรพลาดติดตามข่าวสาร
บทความนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์ข้อมูล อ้างอิงข้อเท็จจริงและความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน มิใช่เป็นคำแนะนำในการลงทุน ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการรับสาร