<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

อุตสาหกรรมขุด Bitcoin ในไทยเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น หลังจีนแบนการขุดในประเทศ

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้ประโยชน์จากการปราบปราม crypto ของจีนโดยนักลงทุนรายย่อยได้ทำการขุด Bitcoin กันมากขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นมา

Al Jazeera รายงานว่าผู้ประกอบการไทยและธุรกิจคริปโทเคอร์เรนซี่ได้ใช้ประโยชน์จากการแบนการขุดคริปโตของประเทศจีน โดยได้นักลงทุนคริปโตรายหนึ่งได้กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า “ช่วงเวลาที่จีนสั่งห้ามคริปโต พวกเราดีใจมาก” เนื่องจากผู้ที่ชื่นชอบ Bitcoin (BTC) ในประเทศไทยจะได้เครื่องขุดที่มีราคาถูกลง

นักขุด crypto นิรนามได้อ้างว่าได้สร้างเครื่องขุด bitcoin ขนาดเล็กซึ่งใช้พลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ในราคาประมาณ 100,000 บาท และได้ทุนกลับคืนจากการขุดโดยใช้ระยะเวลาเพียง 3 เดือนเท่านั้น

พงศกร ทองทวีนันท์ ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการขุดคริปโตได้เริ่มต้นธุรกิจของเขาโดยการเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ขุดคริปโตในประเทศไทย โดยมีรายงานว่าขายเครื่องขุดวงจรรวมแบบเฉพาะแอปพลิเคชันของจีน ( ASIC) กว่าหลายร้อยเครื่องให้กับนักลงทุนทั่วประเทศ

ทั้งนี้จากข้อมูลราคาของ ASIC เช่น Bitmain Antminer SJ19 Pro ได้ลดลงกว่า 30% เนื่องจากการเทขายเครื่องขุดภายในประเทศจีนจากการแบนอย่างต่อเนื่องก่อนที่ราคาจะกลับสู่สภาวะปกติในช่วง 1-2 เดือนให้หลัง

นายพงศกรเชื่อว่าความนิยมที่เพิ่มขึ้นของเครื่องขุด crypto ภายในประเทศไทยนั้นเกิดจากผู้ที่ต้องการมองหารายได้ที่มั่นคงหรือรายได้เสริมจากช่วงที่เกิดการระบาดจากโรคโควิด-19 และเป็นช่วงเดียวกับที่นักลงทุนส่วนใหญ่หันกลับมามองเกี่ยวกับอนาคตของสินทรัพย์ดิจิทัลมากยิ่งขึ้น

Bitcoin เป็นทองคำของโลกดิจิทัล และเครื่องขุดคริปโตก็เหมือนหุ้นเหมืองทองคำ คุณจะได้รับเงินปันผลตามราคาทองคำ” 

ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศเดียวที่การพัฒนาการขุด crypto และได้รับประโยชน์จากการอพยพของจีน ประเทศเช่น สหรัฐอเมริกา , คาซัคสถาน และรัสเซียได้เห็นการเข้ามาของเม็ดเงินและการดำเนินการของการขุดคริปโตภายในประเทศเช่นเดียวกัน

ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของการขุด crypto ในประเทศไทยนั้นสอดคล้องกับการยอมรับของ cryptocurrency ของนักลงทุนภายในประเทศโดยมูลค่าการซื้อขายที่กระดานเทรดของประเทศไทยหลายแห่งเพิ่มขึ้นเป็น 1.8 หมื่นล้านบาทในเดือนพฤศจิกายน 2564 จากเพียง 224 ล้านบาทในปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตามความต้องการของสถาบันทางการเงินสำหรับ crypto ในประเทศไทยก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ต้นเดือนพฤศจิกายน ธนาคารไทยพาณิชย์จ่ายเงิน 537 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อหุ้น 51% ใน BitKub ซึ่งเป็นกระดานเทรดที่มีปริมาณการซื้อขาย crypto ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย