ปี 2564 เป็นปีที่ยิ่งใหญ่สำหรับคริปโตในหลาย ๆ ด้าน หากเราลองสังเกตดูรอบ ๆ ตัวนั้นจะพบว่าใคร ๆ ก็แห่กันเข้ามาในตลาดคริปโต ซึ่งบ่งบอกว่าคริปโตนั้นได้ไปสู่ตลาดกระแสหลักแล้ว
อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าครั้งใหญ่ของวงการคริปโตที่ไปสู่กระแสหลักแสดงถึงสิ่งที่เรียกว่า “ดาบสองคม” ที่แฝงอยู่ด้วย อ้างอิงจากความเห็นของธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง Goldman Sachs
ในด้านหนึ่ง แน่นอน ราคาของมันจะต้องเพิ่มขึ้นเป็นเรื่องปกติ แต่ในอีกด้านหนึ่ง สิ่งนี้จะทำให้ตลาด Bitcoin มีความเกี่ยวข้องกับศัตรูของมันอย่างตลาดการเงินแบบเก่าแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
Bitcoin มีความสัมพันธ์กับตลาดการเงินยุคเก่า
นักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs นาย Zach Pandl และ Isabella Rosenberg ได้ส่งอีเมล์ถึงลูกค้านักลงทุนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยชี้ให้เห็นว่ามูลค่าตลาดรวมลดลง 39% ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน การร่วงลงนั้นมีความโดดเด่นอย่างมากเนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคที่อยู่นอกตลาดคริปโตเป็นหลัก
การล้างพอร์ทของนักลงทุนคริปโตดูเหมือน่วามักจะเกิดขึ้นจากการเทขายในตลาดทุน โดยทาง Goldman Sachs ระบุว่า bitcoin มีความสัมพันธ์ในระดับสูงสุดกับดัชนี S&P 500 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สกุลเงินดิจิตอลเรือธงอย่าง BTC มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับหุ้นเทคโนโลยีตัวเด่น ๆ, อัตราเงินเฟ้อ และน้ำมันดิบ ในขณะที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากเงินดอลลาร์และอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง
“การยอมรับ Bitcoin ในสังคมกระแสหลักอาจเป็นดาบสองคม ในขณะที่มูลค่าของมันอาจเพิ่มขึ้นได้ แต่ก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มความสัมพันธ์กับตัวแปรตลาดการเงินอื่น ๆ ซึ่งมันจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงจากการถือสินทรัพย์ (แทนที่จะเป็นการลดความเสี่ยงจากการ diversify เหมือนแต่ก่อน)” กล่าวโดย Goldman Sachs
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ยิ่ง bitcoin มีความสัมพันธ์กับตลาดดั้งเดิมมากเท่าใด กำไรก็จะยิ่งต่ำลงเท่านั้น
หายนะล่าสุดของตลาด crypto เกิดขึ้นหลังจากธนาคารกลางสหรัฐเปิดเผยแผนการที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0% รวมทั้งลดขนาดของงบดุลลงอย่างมากหลังจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเริ่มขึ้น นอกจากนี้ เฟดยังใกล้จะยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับตลาดการเงินแบบดั้งเดิม นับตั้งแต่วันที่โควิด-19 เขย่าโลกในช่วงต้นปี 2020
รายงานระบุเพิ่มเติมว่าการพัฒนาของเทคโนโลยี Blockchain ที่มากขึัน และรวมถึงการมาของแอพ metaverse อาจส่งผลดีต่อมูลค่าของเหรียญคริปโตบางตัวในอนาคต แต่อย่างไรก็ตาม มันจะยังคงไม่สามารถหลุดพ้นจากตลาดมหภาค รวมถึงนโยบายด้านการเงินของธนาคารได้
Bitcoin และตลาด crypto โดยรวมได้มีราคาที่ลดลงมาถึง 50% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อพิจารณาจากขาขึ้นและขาลงในตลาด Wall Street ก็ไม่ชัดเจนว่ามันจะไปทิศทางไหนต่อไป