<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

แม้ Diem จะถูกตอกฝาโลง แต่ Facebook ก็ยังคงเดินหน้าเข้าตลาด Cryptocurrency เต็มกำลัง

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Facebook ได้ประกาศแผนงานเกี่ยวกับคริปโตครั้งใหญ่ในวันที่ 19 มิถนายน 2019 “สกุลเงินไร้พรมแดน” ที่เรียกว่า Libra ซึ่งก็คือ stablecoin ในวันเดียวกันนั้นเอง Facebook ก็ได้ประกาศ cryptowallet ที่เรียกว่า Calibra สำหรับเก็บ Libra

2 ปี และอีก 7 เดือนหลังจากนั้น Facebook ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Meta, Libra ก็เปลี่ยนเป็น Diem และก็ได้มีรายงานว่า Diem ได้ขายสินทรัพย์ในครอบครองออกไปหมดแล้ว (ซึ่งยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าสินทรัพย์นั้นคืออะไร)

Facebook นั้นเคยเปิดตัวผลิตภัณฑ์แค่ชินเดียวนั่นก็คือ Novi wallet (ซึ่งชื่อเดิมก็คือ Calibra) แต่สามารถเก็บได้เฉพาะ Paxos stablecoin USDP เนื่องจาก Diem ไม่เคยมีการเปิดตัวให้เห็น

แล้ว Facebook ทำอะไรผิด?

ในประการแรก stablecoin นั่นไม่มีความ decentralized ที่แท้จริงแม้ว่าทาง Facebook จะออกมายืนยันว่า Libra อยู่ภายใต้การดูแลของ Libra Association ซึ่งกลุ่มสมาชิกของพวกเขาก็อยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์สี่เดือนหลักจากที่ได้มีการประกาศเปิดตัว Libra ทาง Libra Association ก็ได้สูญเสียสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง 8 ราย ประกอบไปด้วย Mastercard, PayPal,eBay และ Stripe 

ซึ่งเป็นเรื่องยากที่ Facebook จะออกมาโต้แย้งว่า Libra นั้นไม่ได้อยู่ในการดูแลของ Facebook ถึงขั้นต้องมีบุคลากรระดับผู้บริหารนั้นต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ David Marcus ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าทีม Facebook Messenger เขาได้ลาออกในเดือนพฤศจิกายน

แต่แม้ Libra จะไม่มีความ decentralized โดยแท้จริงแล้วนั้นก็ไม่ได้ถือเป็นความหายนะของโปรเจกต์เพราะนักวิจารณ์ก็ได้ชี้ให้เห็นว่า stablecoin ยอดนิยมทั้ง 3 เหรียญก็ถูกรวมอำนาจเอาไว้เช่นกัน Tether ( USDT) ถูกควบคุมโดย Tether และ Bitfinex, USDC ถูกควบคุมโดย Circle และ USDP ถูกควคุมโดย Paxos ซึ่งปัญหาแต่แรกของ Libra นั้นไม่ใช่ความ decentralized แต่คือแบรนด์ Facebook

มีข้อเท็จจริงประการหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่าอย่างน้อย Libra ก็ประสบความสำเร็จที่มีผู้ใช้งานกว่า 2 พันล้านคนหาก Libra สามารถถอนตัวออกมาจากการร่วมมือกับ Facebook ได้ผู้คนจำนวนไม่น้อยก็อาจจะลองใช้งานกันมากขึ้นแต่ก็จะมีอุปสรรคในเชิงการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องอีกอยู๋ดี

Facebook ที่ดูเหมือนจะหมดความทะเยอทะยานในคริปโตแล้วก็ดูเหมือนจะไม่ใช้ตอนนี้ได้ทำการเบนเป้าไปที่ Metaverse และ Metaverse ก็ถูกมองเป็นคริปโตแม้ว่ามันอาจจะดูเหมือนไม่ใช่สักเท่าไหร่นัก

Facebook นั่นก็ยังผลักดันและพยายามเข้าสู่การเป็น Metaverse ด้วยการเปลี่ยนชื่อเป็น Meta แต่หุ้นนั่นก็ร่วงลงกว่า 5% และได้มีกาเปลี่ยนชื่อ Oculus เป็น Meta Quest ทำให้ถูกเยาะเย้ยเป็นวงกว้างจากบริษัทต่าง ๆ และตามรายงานจาก FT Meta กำลังทดลองตลาด NFT บน Instagram

แม้ stablecoin ของ Meta จะตายไปแล้วอำนาจตลาดใน stablecoin จะตกไปอยู่กับทาง Tether, Circle และ Paxos แต่ Meta ก็ยังไม่ล้มเลิกความพยายามในการเข้าถึงคริปโต