<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ผู้เชี่ยวชาญคาดราคา Ethereum จะพุ่งแตะ $7,609 ในปีนี้และ $26,338 ภายในปี 2030

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ตามรายงานล่าสุดของ Finder.com คาดการณ์ว่า ราคาของ ETH จะพุ่งแตะจุดสูงสุดที่ระดับ $7,609 ในปี 2022 ซึ่งสูงกว่าระดับราคาปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 140%

Fred Schebesta ผู้ก่อตั้งของ Finder คาดว่า ราคา ETH จะพุ่งถึงจุดพีคสุดที่ระดับ $7,000 ก่อนที่ราคาจะร่วงลงเหลือ 6,000 ดอลลาร์ภายในช่วงสิ้นปีนี้ ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงระหว่างเครือข่ายสัญญา Smart contract

Paul Levy อาจารย์ระดับอาวุโสจากมหาวิทยาลัย University of Brighton คาดว่า ราคาของ ETH อาจพุ่งถึงระดับ $9,000 แต่เขามองว่าราคาของมันอาจจบช่วงสิ้นปีนี้ที่ประมาณ 8,000 ดอลลาร์ “หาก Ethereum ยังคงอยู่เหนือความท้าทายด้านเทคนิคและนวัตกรรม มันยังศักยภาพที่จะเติบโตได้ในระยะกลางถึงระยะยาว ซึ่งเรื่องราวความสำเร็จของนวัตกรรมในเฟสแรกและศักยภาพของนวัตกรรมจำเป็นต้องจับคู่กับความสามารถด้านนวัตกรรมต่อไป”

การคาดการณ์ราคาของ Ethereum ในระยะยาว

Finder คาดการณ์ว่า ETH จะมีมูลค่าอยู่ที่ 10,810 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2025 และภายในสิ้นปี 2030 มูลค่าของมันจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 26,338 ดอลลาร์ ซึ่งค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับระดับราคาในปัจจุบัน

Ethereum กำลังจะเปลี่ยนผ่านไปใช้โมเดล Proof of stake (PoS) ซึ่งสิ่งนี้อาจจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคา ตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ โดยผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่กว่า 79% มองว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวจะทำให้ราคาของ ETH ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ส่วนที่เหลืออีก 11% ระบุว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวจะส่งผลกระทบน้อยหรือไม่แน่ใจว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาของเหรียญ

อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วยว่าราคาของ Ethereum จะพุ่งทะยานสู่ดวงจันทร์ โดย Vanessa Harris หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Permission มองว่า การเปลี่ยนผ่านไปใช้โมเดล PoS ของ ETH จะส่งผลทำให้ราคาของเหรียญร่วงลงอย่างรุนแรง 

โดยเธอกล่าวว่า ETH อาจจะมีมูลค่าลดลงเหลือเพียง $100 ภายในปี 2030 เนื่องจากเครือข่ายยังเต็มไปด้วยปัญหาต่าง ๆ เช่น เรื่องค่าธรรมเนียม Gas ราคาแพงและการปรับขนาดในระดับต่ำ ซึ่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่ Proof-of-Stake ก็ไม่น่าจะช่วยแก้ปัญหาด้านความสามารถในการปรับขนาดให้กับ Ethereum ได้ ดังนั้นเราควรมุ่งเน้นไปที่โซลูชั่น L2s และ side chain เพื่อรองรับการปรับขนาดให้กับเครือข่าย ETH”

ที่มา : beincrypto