ธนาคารกลางสหรัฐฯไม่อนุญาตเจ้าหน้าที่ระดับสูงถือครองคริปโตและหุ้นหลังจากที่ประชาชนออกมาเรียกร้อง
ปัจจุบันนี้หน่วยงานที่ทำหน้าที่กำกับดูแลของสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับสินทรัพย์ดิจิทัลเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางนั้นก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อขายคริปโตแบบส่วนตัวอีกต่อไป
จากแรงกดดันจากสาธารณชนในการซื้อขาย FED ได้มีการบังคับใช้กฎหมายใหม่ครั้งแรกในช่วงเดือนตุลาคมว่าด้วยการไม่ให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงนั้นซื้อหุ้นรายบุคคลหรือกองทุนรวมรวมถึงการถือครองคริปโต, สินค้าโภคภัณฑ์และสกุลเงินต่างประเทศ
เจ้าหน้าที่นั้นจะต้องแจ้งล่วงหน้าก่อน 45 วันหากจะซื้อขายหลักทรัพย์และจะไม่สามารถยกเลิกหรือย้อนกลับการซื้อขายได้ในภายหลังประธานธนาคารกลางระดับภูมิภาคทั้ง 12 คนจะต้องทำการเปิดเผยธุรกรรมหลักทรัพย์ต่อสาธารณชนล่วงหน้า 30 วัน
กฎดังกล่าวนั้น “มีจุดมุ่งหมายเพื่อสนับสนุนความเชื่อมั่นของสาธารณชนในเรื่องของความเป็นกลางและการทำงานร่วมกันของคณะกรรมการโดยที่ป้องกันไม่ให้เกิดการได้รับผลประโยชน์ทับซ้อน” FED กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์
การเคลื่อนไหวดังกล่าวของธนาคารกลางนั้นเกิดขึ้นหลายเดือนหลังจากที่ Robert Kaplan และ Eric Reosengren ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐออกจากตำแหน่งในช่วงเดือนกันยายนหลังมีการถกประเด็นเรื่องการซื้อขายแบบส่วนบุคคล
การตัดสินใจขั้นสุดท้ายนั้นกินเวลานานกว่าที่ทางเจ้าหนี้นั้นได้กำหนดไว้ในเดือนตุลาคมหลักทรัพย์นั้นถูกแบนเพิ่มมากขึ้นและตอนนี้ Jerome Powell ประธานของ FED มีอำนาจในการริดรอนการซื้อขายต่าง ๆ กับทางฝั่งของญาติรวมไปถึงคู่สมรสและบุตรของทางเจ้าหน้าที่
ขณะเดียวกัน FED ยังคงศึกษากรณีการใช้งานและความเสี่ยงของสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) Lael Brainard ผู้ว่าการ FED เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่นำเทคโนโลยีของพวกสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้มาใช้งานกันอย่างจริงจัง
“ระบบการเงินไม่หยุดนิ่งเราก็เช่นเดียวกัน” Brainard กล่าวในการประชุมนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ในนิวยอร์ก “ระบบนิเวศทางการเงินดิจิทัลกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและเชื่อมต่อกับระบบการเงินแบบดั้งเดิมมากขึ้น”
ภายใต้กฎใหม่ที่ได้มีการบังคับใช้งานนั้นเจ้าหน้าที่จะมีเวลา 12 เดือนนับจากวันที่บังคับใช้ในวันที่ 1 พฤษภาคมโดยที่พวกเขาต้องไม่ถือครองสิ่งที่ถูกสั่งห้ามและบุคลากรที่เข้ามารับตำแหน่งใหม่นั้นจะได้เวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้น