<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัล ทรัมป์กล่าวว่า “ไต้หวันจะเป็นประเทศต่อไปที่ถูกจีนบุก”

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในระหว่างการพูดคุยในรายการ The Clay Travis และ Buck Sexton Show เมื่อวันอังคารที่ 22 ก.พ. อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาเชื่อว่า จีนจะเดินตามรอยรัสเซียและสั่งบุกรุกไต้หวัน

คำคาดการณ์ของทรัมป์เกิดขึ้นหลังจากพิธีกร Clay Travis ถามเขาว่า ทำไมประธานาธิบดีรัสเซีย Vladimir Putin จึงสั่งบุกยูเครนในขณะที่ Joe Biden ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ

“ผมคิดว่าเขาเล็งเห็นถึงโอกาส ผมรู้ว่าเขาต้องการยูเครนเสมอมา” ทรัมป์กล่าว “ยังไงก็ตาม จีนกำลังจะเป็นรายต่อไป”

เมื่อถูกพิธีรายการถามว่า “คุณคิดว่าพวกเขาจะสั่งบุกไต้หวันอย่างงั้นเหรอ” ทรัมป์ตอบว่า “ใช่แน่นอน พวกเขากำลังรอจนถึงหลังการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก… มันเกือบจะเหมือนกับกรณีของพี่สาวฝาแฝด เพราะมีคนหนึ่งที่ต้องการไต้หวัน ผมคิดว่ามันเป็นกรณีที่แย่พอ ๆ กัน”

อย่างไรก็ตามทรัมป์ไม่ใช่เพียงคนเดียวที่เชื่อมั่นในแนวคิดนี้ โดยหลังจากที่ปูตินสั่งใช้ปฏิบัติการทางทหารในยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ ผู้ใช้โซเชียลมีเดียทั่วโลกต่างเริ่มแชร์โพสต์ของพวกเขาและแสดงความคิดเห็นกันว่า ไต้หวันอาจเป็นเป้าหมายรายต่อไปของการรุกรานโดยประเทศมหาอำนาจ

นอกจากนี้โพสต์ล่าสุดบนแพลตฟอร์มสื่อโซเชียลมีเดีย 9GAG ที่มีชื่อว่า “โลกในปัจจุบัน” หรือ “The world right now” ยังได้แสดงภาพมีมของหมีและแพนด้า ทั้งในเครื่องแบบทหารและถือปืนไรเฟิล ยืนเคียงข้างกันโดยเล็งไปที่ยูเครนและไต้หวันตามลำดับ ซึ่งโพสต์ดังกล่าวนั้นได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจนติดหน้าแรกของเว็บไซต์เลยทีเดียว

The world right now

และเมื่อวันอาทิตย์ (20 ก.พ.) นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษยังได้ออกมาเตือนว่า “หากยูเครนใกล้สูญพันธุ์ ความตกใจจะก้องกังวานไปทั่วโลก และเสียงเหล่านั้นจะสะท้อนมาถึงฝั่งเอเชียตะวันออก และจะได้ยินในไต้หวัน”

อย่างไรก็ตามผลการสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้แสดงให้เห็นแล้วว่า 63% ของชาวไต้หวันนั้นเชื่อว่า การบุกรุกยูเครนของรัสเซียจะไม่ส่งผลทำให้จีนสั่งโจมตีไต้หวัน โดยผลการสำรวจพบว่ามีเพียง 27 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามเท่านั้นที่มีมุมมองในทิศทางตรงกันข้าม

คำคาดการณ์ของทรัมป์ล่าสุด ทำให้หลายฝ่ายกำลังจับตามองว่าจีนอาจจะทำเช่นเดียวกันนี้กับไต้หวันหรือไม่… ซึ่งเราก็ต้องรอดูกันต่อไปว่ามันจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อตลาดคริปโต

ที่มา : taiwannews