ความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในยูเครนได้ส่งคลื่นกระแทกไปทั่วโลก และได้เห็นค่าเงินรูเบิลของรัสเซียร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ท่ามกลางการลงโทษทางลงโทษจากตะวันตก
การตอบสนองล่าสุดต่อมาตราการที่ดำเนินการโดย Nikolai Arefiev รองผู้ว่าการรัฐดูมาจากพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย (CPRF) ได้เปิดเผยว่าเงินทุนที่ชาวรัสเซียวางไว้จะถูกนำไปใช้ในกรณีที่เศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหม่ตามแถลงการณ์จาก news.ru
Arefiev กล่าวว่า
“หากพวกเขาปิดกั้นเงินทุนทั้งหมดที่อยู่ต่างประเทศ รัฐบาลก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยึดเงินฝากทั้งหมดของประชากรซึ่งมีประมาณ 60 ล้านล้านรูเบิล ทั้งหมดนี้เพื่อควบคุมสถานการณ์ดังกล่าว”
รัสเซียมีทรัพย์สินมากกว่า 6 แสนล้านดอลลาร์
ในแง่ของทองคำและสกุลเงินต่างประเทศ ตอนนี้รัสเซียมีเงินสำรองประมาณ 6.4 แสนล้านดอลลาร์นอกประเทศ นอกจากนั้นยังคงมีเงิน 14 ล้านล้านรูเบิลหรือประมาณ 1.58 แสนล้านดอลลาร์ และเม็ดเงินจากผู้มีอำนาจอีก 4.7 แสนล้านดอลลาร์ที่ในบัญชีธนาคารต่างประเทศ
หากเงินทุนเหล่านี้ถูกยึด รัสเซียตั้งเป้าที่จะใช้เงินสดเพื่อกำหนดโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ให้กับพลเมืองของตน เมื่อถูกถามว่าประชาชนจะคืนเงินจำนวนนี้ให้กับประชาชนหรือไม่ Arefiev ประกาศว่า
“ห้าชั่วอายุคนจะล่วงเลยไปจนกว่ารัฐจะชำระ เมื่อถึงเวลานั้นอัตราเงินเฟ้อจะกลืนกินสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด”
พลเมืองรัสเซียมองหา crypto
เพื่อที่จะรักษาเงินของพวกเขาให้ปลอดภัย รัสเซียก็บไว้ในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น ซึ่งนี่อาจเป็นโอกาสสำหรับ cryptocurrency อย่าง Bitcoin ที่จะเข้ามาเพื่อช่วยชาวรัสเซียจากรัฐบาลของตนเอง ซึ่งผู้สนับสนุน crypto หลายคนมองว่า Bitcoin เป็นเครื่องป้องกันเงินเฟ้อและสามารถปกป้องผู้คนจากรัฐบาลไม่ให้สามารถยึดเงินดิจิทัลได้
ตามการรายงานล่าสุดได้พบว่าโวลุ่มการซื้อขาย RUB/BTC แตะระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน เนื่องจากธนาคารในประเทศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 20%
ทั้งนี้ส่งผลให้ชาวรัสเซียจำนวนมากขึ้นจึงหันมาใช้สกุลเงินดิจิทัลที่ไม่เปิดเผยตัวตนและการกระจายอำนาจไม่ให้ CPRF จะไม่สามารถเข้าถึงเงินทุนของพวกเขาได้
นอกจากนี้ ประชาชนยังมีทางเลือกในการขายสินทรัพย์ของตนโดยมีกำไรเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม หรือถอนเงินได้ทุกที่ในโลกโดยไม่ได้ถูกจำกัดโดยกฎหมายใดๆ
อย่างไรก็ตามเมื่อเผชิญกับการคว่ำบาตรทางการเงินที่เพิ่มขึ้นในรัสเซีย กระดานเทรดคริปโทเคอร์เรนซี่อย่าง Binance และ Krakenได้กล่าวว่าพวกเขาจะไม่ระงับบัญชีสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่อยู่ในประเทศ