Bitcoin ราคาหลุดแนว $41,000 ในช่วงวันที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมา ณ เวลานี้ราคาของ BTC นั้นร่วงลงมากว่า 4.27% ซึ่งมูลค่ารวมของตลาดคริปโตนั้นถูกดึงกลับไปอยู่ที่ 1.88 ล้านล้านดอลลาร์
พอมีไรชโลมใจนักลงทุนในตลาดช่วงนี้บ้าง?
ตัวเลขของเจ้ามือที่เขาเก็บของเพิ่มขึ้นก็ยังมีเยอะแม้เหรียญจะมีการปรับฐานก็ตามผู้ให้บริการข้อมูลออนไลน์ Santiment รายงานว่าเจ้ามือกำลังทำการทยอยเก็บของในช่วงที่ราคาของ Bitcoin นั้นลงไปต่ำกว่า $40,000 เมื่อช่วงที่ผ่านมานี้
หากดูจากกราฟ Santiment นั้นกล่าวว่า
“address ของเจ้ามือ Bitcoin ที่ถือ Bitcoin ตั้งแต่ 100 จนถึง 10,000 BTC ได้สะสมทำการเก็บสะสม BTC เพิ่มขึ้นอีกกว่า 18,104 BTC ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายนที่ราคานั้นลดลงต่ำกว่า $40,000 อย่างไรก็ตาม การถือครองของเจ้ามือนั้นยังคงลดลงอย่างมากตั้งแต่เดือนตุลาคมในขณะเดียวกันกำลังซื้อของ USDT ก็ยังมีแนวโน้มที่ดี”
อันที่จริงนั้นส่วนของเจ้ามือที่ถือครองลดลงนั้นถือเป็นส่วนน้อยเพราะเจ้ามือส่วนใหญ่บังคงซื้อเก็บและถือเอาไว้แม้ว่ามันจะผันผวนมากก็ตามในขณะเดียวกัน Bitcoin ที่หลงเหลืออยู่ในเว็บเทรดก็ถึงจุดต่ำสุดในรอบ 4 ปีตามข้อมูลจาก Crypto Quant ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 21 เมษายนนี่ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ดีสำหรับผู้ถือ BTC
โดยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตนั้นการที่ Bitcoin นั้นไหลออกจากเว็บเทรดจำนวนมากส่งผลดันราคาของ Bitcoin ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นหากตลาดยังคงรักษาทรงได้ในช่วง 2-3 วันนั้น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้ถือครอง BTC ได้แสดงให้เห็นถึงรูปแบบในการถือครองเช่นนี้อันที่จริงในช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา Bitcoin ได้ประสบกับการไหลออกจากเว็บเทรดครั้งใหญ่ที่สุดในรอบห้าสัปดาห์ซึ่งมีจำนวนที่สูงถึง 25,878 BTC หรือ 1.04 พันล้านดอลลาร์โดยที่ BTC ไหลออกจากเว็บเทรด crypto ในเวลาเพียงวันเดียว Santiment ก็ได้แชร์ข้อมูลเชิงลึกนี้ลงในทวีตเมื่อวันที่ 15 เมษายน
สัญญาณเตือนได้ดังขึ้น
ทุกการทำจุดสูงสุดมักจะมาพร้อมกับคำเตือนเสมอสถานการณ์ของ BTC ก็มีแนวโน้มในทิศทางเดียวกันนี้จากระดับของกราฟในทางเทคนิคตอนนี้ Ali Martinez นักวิเคราะห์คริปโตก็ได้ส่งสัญญาณเตือนภัยนักลงทุน
เขาแสดงความเห็นว่า
“Bitcoin จะต้องกลับยืนมาเหนือ $40,800 ให้ได้เพื่อจะได้มีโอกาสดีดตัวกลับขึ้นไปอยู่ที่ $45,000 หรือ $50,000 โปรดรู้ไว้ว่าการที่ราคาปิดรายวันที่ปิดต่ำกว่า $38,500-$39,400 นั้นอาจทำให้มุมมองในเชิงบวกนั้นไม่เกิดขึ้นและอาจส่งผลให้ราคาร่วงหล่นกลับไปที่ $35,000 หรือแม้แต่ $30,000 สำหรับตัวของ BTC”
ซึ่งแน่นอนว่าในภาวะตลาดเช่นนี้ที่ทาง Fed มีนโยบายในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่อาจจะแรงและเร็วกว่าที่คาดไว้ย่อมส่งผลในการกดดันตลาดให้เกิดความกลัวแต่ไม่แน่ว่านักลงทุนที่ใช้ช่องทางนี้เป็นโอกาสในการเก็บของในช่วงที่ราคายังถูกอาจจะได้กินเต็มเมื่อตลาดมีการฟื้นตัวอีกครั้ง