ตอนนี้นักลงทุนในเหรียญ XRP ต่างก็อยากได้ข้อสรุปเกี่ยวกับรูปคดีของ Ripple กับ SEC อย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แต่ตามที่ Stuart Alderoty ที่ปรึกษาทั่วไปของ Ripple กล่าวคดีความนี้อาจจะยืดเยื้อไปอีกและต้องเข้าสิทธิ์ที่จะลากยาวไปจนถึงปี 2023
Ripple ต้องการทำให้มันจบแต่ SEC กลับทำให้ยืดเยื้อ
Stuart นั้นขอบคุณทุกคนที่คอยติดตามคดีที่เกิดขึ้นกับ SEC และกล่าวเสริมอีกว่า Ripple และศาลกำลังทำงานกันอย่างหนักเพื่อแก้ไขปัญหาการต่อสู้ทางกฎหมายที่มีความซับซ้อนนี้ให้ได้ทางออกโดยเร็วที่สุด
แต่ในทางกลับกันใช้ลูกไม้ในการตุกติกเพื่อหาทางทำให้คดีความนี้ยืดเยื้อซึ่งสิ่งนี้ก็ทำให้นักลงทุนนั้นเสียหายและหัวเสียกันไปยกใหญ่ซึ่งทนายความระดับหัวแถวของ Ripple ก็มองว่าคดีนี้น่าจะจบลงในปี 2023
Stuart ได้ระบุข้อความใน Twitter อันยาวเหยียดในวันเสาร์ที่ผ่านมาโดยมีใจความว่าในแต่วันของคดีที่ผ่านไปนั้นกำลังทำร้ายผู้ถือ XRP ซึ่งพวกเขานั้นเหมือนโดน rug pull จากการใช้อำนาจโดยหน่วยงานดังกล่าว XRP นั้นถูกโจมตีอย่างไร้ความปราณีในวันที่มีการฟ้องร้องและนั่นก็สร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่ SEC. อ้างว่าจะปกป้อง
ซึ่งจากนั้นเขาก็จำได้ว่า SEC ไม่ได้รับคำสั่งจากศาลในการหยุดการซื้อขาย XRP ในสหรัฐอเมริกาเมื่อพวกเขายื่นคำร้องย้อนกลับไปในเดือนธันวาคม 2020
แม้ว่าหลายเว็บเทรดคริปโตหลายแห่งจะเพิกถอนเหรียญออกจากแพลตฟอร์มของพวกเขาไม่นานหลังจากที่ SEC กล่าวหาว่า Ripple ทำการระดมทุน 1.3 พันล้านดอลลาร์อย่างผิดกฎหมายผ่านระบบที่มีการเสนอขายหลักทรัพย์ไม่ได้ผ่านการจดทะเบียนแต่ด้วยวิธีการนี้ทาง Ripple สามารถดำเนินการได้อย่างไม่ผิดกฎหมาย
ความไม่แน่นอนของ SEC บีบให้ผู้มีความสามารถและความมั่งคั่งเลือนหายไปจากสหรัฐฯ
ที่ปรึกษาทั่วไปของ Ripple ได้ตำหนิ SEC เนื่องจากการไม่ให้ความชัดเจนด้านกฎหมายในสหรัฐอเมริกาซึ่งนี่ควรเป็นลักษณะเด่นหน่วยงานควบคุมดูแล คำสั่งของผู้บริหารที่ลงนามเมื่อเร็ว ๆ นี้ประเมินว่าคนอเมริกันอย่างน้อยกว่า 40 ล้านคนเป็นเจ้าของ cryptocurrency ในปัจจุบัน แม้ว่าจะมี “สัญญาณความไม่แน่นอน” ที่ SEC นั้นยัดเยียดให้กับอุตสาหกรรมคริปโตก็ตาม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทาง SEC เองก็ได้ยืนยันว่าสินทรัพย์ crypto ส่วนใหญ่เป็นนั้นหลักทรัพย์และเว็บเทรดบางเจ้าก็ได้ดำเนินการกันอย่างผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตามไม่ได้กล่าวถึงว่าเป็นเจ้าไหนและไม่ได้พยายามปิดเว็บเทรดเหล่านั้นแม้ว่า SEC จะทราบดีว่าทางหน่วยงานนั้นไม่มีอำนาจที่แท้จริงใด ๆ ในภาคส่วน crypto ที่เพิ่งได้มีการเริ่มต้นแต่พวกเขาจะใช้กลอุบายทุกอย่างที่มีในหนังสือตำราตํารายุทธพิชัยสงครามต่อไปเพื่อสร้างความสับสนในตลาดคริปโต
การตอบสนองที่เป็นต่อต้านจาก SEC ตามที่ทนายความ Stuart กล่าวนั้นได้นำไปสู่ “ทำให้ผู้มีความสามารถด้านคริปโต, เทคโนโลยีและผู้มีความมั่งคั่งจำนวนมากย้ายออกไปสู่เขตอำนาจศาลที่มีกรอบการกำกับดูแลที่มีเหตุผล” Stuart ยังกล่าวอีกว่าผู้ประกอบการในพื้นที่ crypto นั้นไม่ควรตั้งร้านค้าใด ๆ ขึ้นมาด้วยในสหรัฐอเมริกาเนื่องจากยังขาดเรื่องของความชัดเจนด้านกฎหมาย