<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Meta ของ Facebook ยอมรับ Bitcoin หลังจากที่ Stablecoin ของตัวเองล้มเหลว

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หลังจากหลายปีของความพยายามที่จะเปิดตัว Stablecoin ของ Meta หลังจากที่ได้ทำความเข้าใจ Bitcoin และ Lightning Network มาใช้งานร่วมกับเหรียญดังกล่าว ปัจจุบันยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีได้เปิดตัวบริษัทใหม่ LightSpark ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Andreessen Horowitz (a16z), Paradigm, Coatue และ Matrix Partners

LightSpark จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน back-end สำหรับธุรกิจที่สนใจใช้เครือข่าย Lightning ของ Bitcoin ซึ่งอำนวยความสะดวกค่าธรรมเนียมต่ำผ่านช่องทางการชำระเงินสำหรับธุรกรรมขนาดเล็ก เช่น การซื้อกาแฟ นักพัฒนาได้สร้าง Lightning เพื่อนำการประมวลผลข้อมูลบางส่วนออกจากบล็อกเชนของ Bitcoin ซึ่งมีพื้นที่จัดเก็บที่จำกัดมาก

แม้จะมีข้อโต้แย้งในขั้นต้นและความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้นจากเวอร์ชันแรก ๆ ของ Lightning แต่ก็ได้รับแรงฉุดอย่างรวดเร็วจากวิธีชำระเงินจำนวนเล็กน้อยโดยไม่มีค่าธรรมเนียม

คู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุดของ Lightspark ได้แก่ Blockstream ซึ่งเป็นบริษัทโครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่ที่สุดของ Bitcoin มันใช้งาน Core Lightning ซึ่งเป็นการใช้งาน Lightning ที่ใหญ่ที่สุด แม้จะมีคู่แข่งรายอื่นอย่าง Strike ได้ใช้งานแอพ Lightning Payment ใน 200 ประเทศแล้วก็ตาม 

ทั้งนี้ Voltage ผู้ให้บริการโหนด Cloud Lightning ก็ได้เป็นอีกหนึ่งในคู่แข่งตลอดกาลเช่นเดียวกันเนื่องจากทำให้ผู้ใช้ Lightning สามารถสร้างโหนดที่โฮสต์ได้ง่ายขึ้น

ในที่สุด Meta ก็ตัดสินใจสร้างบน Bitcoin

Meta ใช้ Bitcoin หลังจากความล้มเหลวของ Stablecoin

David Marcus ผู้ก่อตั้ง LightSpark อดีตประธานของ PayPal เคยเป็นผู้นำความพยายามของ Meta ในการสร้าง Stablecoin

เป้าหมายแรกคือการสร้างเหรียญหลายเหรียญสำหรับภูมิภาคต่างๆ ในโลก แต่ไม่นานก็ยกเลิกแผน แต่ตัดสินใจที่จะเน้นที่หนึ่งเท่านั้นนั่นคือ Libra

สมาคม Libra ของ Meta ดึงดูดชื่อใหญ่ ๆ เมื่อเปิดตัวในเดือนมิถุนายน 2019 สมาชิกประกอบด้วย MasterCard, PayPal, Stripe, Visa, eBay, Lyft, Uber, Spotify และ Andreessen Horowitz อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าโครงการก็พบกับการตอบโต้ของรัฐสภา หน่วยงานกำกับดูแลมีความกังวลเกี่ยวกับบริษัทขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลดังกล่าวในโครงการเศรษฐกิจโลก

ทั้งนี้สมาชิกสภานิติบัญญัติเรียกร้องเวลาหลายชั่วโมงจากคำให้การจาก Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง Meta และขอให้เขาชะลอการออกเหรียญ Stablecoin

สมาชิกระดับสูงได้ละทิ้งสมาคม Libra ไป อย่างรวดเร็ว แม้ว่า Meta ยังวางแผนที่จะเปิดตัว  กระเป๋าเงินคริปโตที่เรียกว่า Calibra ก่อนที่ต่อมาจะเปลี่ยนชื่อเป็น Novi ซึ่งปัจจุบันนั้นก็ยังไม่ได้รับการเปิดตัวสักที

อีกทั้ง Meta พยายามที่จะขจัดชื่อเก่าอันมัวหมองของเขาเองด้วยการรีแบรนด์โดยเปลี่ยนจาก Libra เป็น Diem แทน

อย่างไรก็ตาม Diem ยังคงเผชิญกับปัญหาด้านกฎระเบียบ Olaf Scholz รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของเยอรมนีเรียกโครงการนี้ว่า “หมาป่าในคราบแกะ”

“เป็นที่ชัดเจนสำหรับเราว่า เยอรมนีและยุโรปไม่สามารถและจะไม่ยอมรับการเข้าสู่ตลาดในขณะที่ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบไม่ได้รับการจัดการอย่างเพียงพอ” 

นอกจากนี้ เขายังแสดงความต่อต้านอย่างรุนแรงต่อสกุลเงินที่ออกโดยเอกชน โดยกล่าวว่า 

“เราต้องทำทุกอย่างที่เป็นไปได้เพื่อให้แน่ใจว่าการผูกขาดสกุลเงินยังคงอยู่ในมือของรัฐ” 

หลังจากลงทุนเม็ดเงินจำนวนมหาศาลกับ Diem บริษัท Meta ก็มีงบประมาณวิจัยและพัฒนารวม 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี ก่อนที่จะยอมแพ้ในที่สุดโดยได้ขายสินทรัพย์ของ Diem แก่ Silvergate ในราคาเพียง 182 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตามตอนนี้ Meta ได้ตัดสินใจใช้ Bitcoin และยังคงสนใจเทคโนโลยี บล็อกเชน นอกจากนี้ยังกำลังทดสอบคุณลักษณะใหม่ที่แสดง NFT ในเครือข่ายโซเชียลของตนอย่าง Instagram