<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สภานิติบัญญัติของเกาหลีใต้กำลังพิจารณาใช้ระบบใบอนุญาตใหม่สำหรับ Crypto

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

รายงานที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลกลางของเกาหลีใต้ได้มีการแนะนำให้อุตสาหกรรมคริปโตในประเทศใช้ระบบใบอนุญาตใหม่สำหรับกระดานแลกเปลี่ยนและผู้ออกโทเค็นเพื่อใช้เป็นแนวทางในการปกป้องนักลงทุน

รายงานดังกล่าวถูกจัดทำโดยคณะกรรมการบริการทางการเงิน (FSC) ซึ่งเป็นสภานิติบัญญัติของประเทศ ที่เรียกร้องให้ออกกฎระเบียบใหม่เพื่อป้องกันการใช้ข้อมูลภายในสำหรับการซื้อขายและแผนการปั่นราคาตลาด

กฎระเบียบใหม่จะมีความเข้มงวดมากขึ้น และบทลงโทษสำหรับการไม่ปฏิบัติตามกฏระเบียบนี้จะรุนแรงกว่ากฎหมาย Capital Markets Act ที่อุตสาหกรรม Crypto ในประเทศกำลังปฏิบัติตามกันอยู่ในปัจจุบัน

รายงานการวิเคราะห์เปรียบเทียบกับพระราชบัญญัติอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์เสมือนจริงที่ได้รับจาก Korea Economic Daily เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม เผยให้เห็นถึงคำแนะนำในการสร้างระบบการออกใบอนุญาตใหม่ที่จะนำมาใช้กับผู้ออกเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ เช่น บริษัทที่ดำเนินการเสนอเหรียญระดมทุนเริ่มต้น ( ICO) และกระดานแลกเปลี่ยนคริปโต โดยใบอนุญาตนี้จะถูกออกตามความเสี่ยงในระดับต่าง ๆ

การควบคุมผู้ออกเหรียญผ่านระบบการออกใบอนุญาตใหม่ถือเป็น “มาตรการป้องกันอย่างเร่งด่วน” ซึ่งจำเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในสภาวะตลาดปัจจุบัน จุดยืนดังกล่าวอาจเป็นผลพ่วงมาจากความล้มเหลวของตลาดของโปรเจกต์เหรียญ Terra ( LUNA ) เมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งนาย Do Kwon ผู้ก่อตั้งชาวเกาหลีใต้อาจถูกเรียกเข้าพบต่อหน้ารัฐสภาเพื่ออธิบายเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ข้อเสนอกฎระเบียบประการหนึ่งจะเป็นการบังคับให้ผู้ออกเหรียญส่งเอกสารไวท์เปเปอร์เกี่ยวกับโปรเจกต์ของพวกเขาไปยัง FSC ซึ่งรวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของบริษัท แผนการใช้เงินที่ระดมเงินผ่าน ICO และความเสี่ยงใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับตัวโปรเจกต์ โดยการอัปเดตเอกสารไวท์เปเปอร์นี้จะต้องส่งต่อหน่วยงานอย่างน้อย 7 วันก่อนที่การเปลี่ยนแปลงกฏระเบียบที่จะมีผลบังคับใช้

แม้แต่บริษัทที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในต่างประเทศแต่ต้องการซื้อขายโทเค็นในกระเป๋าแลกเปลี่ยนของเกาหลี ก็ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่นี้เช่นเดียวกัน

มีรายงานว่า FSC จะกำหนดให้เหรียญ Stable Coin เช่น Terra USD (UST), Dei (DEI) และ TetherUSDT )  Stablecoin อยู่ในระเบียบวาระ ก่อนที่จะมีปัญหาเกิดขึ้น โดยมีคำแนะนำให้วางข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดการสินทรัพย์ของผู้ออก Stablecoin ที่จะนำไปใช้เป็นหลักประกันและการจำกัดจำนวนเหรียญที่ผู้ออกสามารถ Mint ขึ้นได้

รายงานยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อเข้าควบคุมกิจกรรมการซื้อขายที่ไม่ชัดเจน เนื่องจากบริษัทผู้ให้บริการกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตในท้องถิ่นและผู้ออกเหรียญมักถูกกล่าวหาว่า มีการใช้ข้อมูลภายในการเก็งกำไร ปั่นราคาเหรียญ และเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมที่เกินกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรม

ที่มา : cointelegraph