<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สหรัฐฯ เตือนให้ระวัง ! เผยตั้งแต่ปี 2021 มีนักลงทุนถูกหลอกขโมย Crypto มูลค่ารวมกว่า 34,000 ล้านบาท

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อวันศุกร์ (3 มิ.ย. 65) ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการว่าด้วยการค้าแห่งสหพันธรัฐ หรือ (FTC) เผยรายงานว่า นับตั้งแต่ปี 2021 มีเหยื่อจำนวนกว่า 46,000 คน ที่ถูกนักต้มตุ๋นหลอกให้โอนเงิน Crypto สูญเงินรวมกันมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (34,000 ล้านบาท)

ตามรายงานระบุว่า กลุ่มผู้ที่ตกเป็นเหยื่อส่วนใหญ่กว่า 70% ถูกหลอกให้โอนเงินเป็นสกุล Bitcoin ตามมาด้วย Ethereum และเหรียญ Stable Coin อย่าง Tether(USDT) โดยผู้ตกเหยื่อที่มีแนวโน้มถูกหลอกมากที่สุด มักจะเป็นกลุ่มผู้ที่มีอายุอยู่ระหว่าง 25-40 ปี

การหลอกเอาเงิน Crypto กำลังเป็นแพร่ระบาดมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยคิดเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 60 เท่านับตั้งแต่ปี 2018 เนื่องจากคุณสมบัติที่ไม่มีธนาคารใดสามารถติดแท็ก-ขึ้นบัญชีดำธุรกรรมที่น่าสงสัยได้ รวมไปถึงการโอนที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ ทำให้นักต้มตุ๋นพยายามใช้ช่องโหว่นี้ในการหลอกเอาเงินจากเหยื่อ

เกือบครึ่งหนึ่งของผู้รายงานที่แจ้งต่อ FTC ว่าสูญเงินคริปโตนั้น เล่าว่า พวกเขาถูกหลอกให้โอนเงินผ่าน “ข้อความชวนเชื่อ” บางประเภทบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย โดยแพลตฟอร์มยอดนิยมที่ถูกพูดถึงในการร้องเรียนนี้ได้แก่ Facebook หรือ Instagram

เว็บไซต์และแอปปลอมที่ออกแบบมาเพื่อเอาเงิน ทำให้เหยื่อนักลงทุนสูญเงินไปกว่า 575 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 โดยประชาชนที่ถูกหลอกให้ลงทุนในเว็บหรือแอปปลอม มักจะได้รับคำมั่นสัญญาว่าจะได้รับเงินลงทุนคืนพร้อมกับผลกำไรที่เพิ่มขึ้นถึง 2-3 เท่าตัวเมื่อเวลาผ่านไป แต่ท้ายสุดท้ายแล้วพวกเขาก็ไม่สามารถถอนเงินลงทุนเหล่านั้นได้

เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการถูกหลอก ในขั้นต้น FTC แนะนำว่า อันดับแรกให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงใครก็ตามที่ให้สัญญาว่าจะรับประกันผลกำไรจากการลงทุน

“ไม่มีการลงทุนใดที่จะสามารถรับประกันว่าทำเงินได้ 100%” FTC กล่าวต่อไปว่า “การลงทุนที่ถูกกฎหมายจะไม่บังคับให้คุณต้องซื้อสกุลเงินดิจิทัล “

 การหลอกลวงแบบโรมานซ์ ก็มีมักนำมาใช้ในการหลอกลวงคริปโตด้วยเช่นกัน  โดยมีนักลงทุนบางรายแจ้งต่อ FTC ว่า เขาได้สูญเสียเงินคริปโตไปเป็นมูลค่ากว่า $10,000 ผ่านรูปแบบกลโกงประเภทนี้

“หากคุณมีความรักครั้งใหม่ที่ขอให้คุณโอน crypto ให้กับพวกเขา นั่นถือว่าเป็นการหลอกลวงแน่นอน” FTC กล่าวเตือน

ที่มา : cnn