Brad Garlinghouse CEO ของ Ripple ประกาศว่า การกระทำล่าสุดของ SEC พยายามเบี่ยงเบนความสนใจของอุตสาหกรรม Crypto ไปจากความล้มเหลวของ SEC ต่อสิ่งที่เรียกว่า “การพังทลายของ FTX” พร้อมระบุว่า การกระทำของ Gary Gensler ประธาน SEC นั้น ห่างไกลจากสิ่งที่เรียกว่า “จุดยืนการสนับสนุนนวัตกรรม”
การบังคับใช้กฎหมายต่อ Binance และ Coinbase เมื่อไม่นานมานี้ ก่อให้เกิดปัญหาในอุตสาหกรรม Crypto ตามมามากมาย โดยหลังจากที่ SEC ประกาศฟ้องร้อง Binance กระดานเทรดแห่งนี้ก็มีเงินทุนสุทธิไหลออกไปเป็นจำนวนมากถึง 778 ล้านดอลลาร์ในช่วง 24 ชั่วโมง ในขณะที่ CryptoQuant เปิดเผยว่า ยอดการถอนเงินออกจาก Binance พุ่งสูงขึ้น หลังจากการประกาศ
ขณะที่อุตสาหกรรม Crypto กำลังสั่นคลอนด้วยการกระทำของ SEC ประธาน Gary Gensler ได้ออกมาประกาศว่า “สหรัฐฯ ไม่ต้องการสินทรัพย์ Crypto ไปมากกว่านี้” โดยกล่าวให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Squawk on the Street ของสื่อข่าว CNBC เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน
“พวกเรามีสกุลเงินดิจิทัลอยู่แล้ว มันเรียกว่าดอลลาร์สหรัฐฯ เรียกว่ายูโร หรือเรียกว่าเยน ตอนนี้พวกมันเป็นดิจิทัลแล้ว พวกเรามีการลงทุนดิจิทัลแล้วเหมือนกัน”
หลังจากคำกล่าวนี้เผยแพร่ออกไป Brad Garlinghouse CEO ของ Ripple ก็ได้ออกมาโพสต์ลงบน Twitter ว่า การที่ Gary Gensler บอกว่า ตัวเองสนับสนุนนวัตกรรมเป็นเรื่องตลก โดยกล่าวว่า การกระทำของ Gary Gensler ชี้ไปในทิศทางตรงกันข้ามกับคำกล่าวนั้น
Gary Gensler เคยกล่าวสนับสนุนนวัตกรรมเอาไว้เมื่อปี 2021 ว่า “ผมไม่ใช่ทั้งผู้สนับสนุนหรือผู้ไม่เห็นด้วย แต่ผมเชื่อว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นสิ่งที่สามารถเร่งกระบวนการเปลี่ยนแปลงได้”
นอกจากนี้ Brad Garlinghouse ยังกล่าวว่า การดำเนินการทางกฎหมายของ SEC เมื่อไม่นานมานี้ เป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของอุตสาหกรรม Crypto ไปจากความล้มเหลวของ SEC ในกรณีของ FTX
เขากล่าวว่า SEC ล้มเหลวในการสอบสวน FTX ในเรื่องการฉ้อโกงก่อนที่บริษัทจะล่มสลาย ส่งผลให้นักลงทุนหลายคนสูญเสียเงินทุนไปหลายล้านดอลลาร์ ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นว่า การที่ SEC ทำการฟ้องร้องบริษัท Crypto ต่าง ๆ ในตอนนี้ จะสามารถปกปิดความประมาทของ SEC จากกรณีของ FTX ได้
ขณะเดียวกัน ชาวชุมชน Crypto บางส่วนเชื่อว่า การฟ้องร้อง Binance ในครั้งนี้ เป็นการโต้กลับของประธานาธิบดี Joe Biden ของสหรัฐฯ จากการที่ Binance เป็นผู้ที่ “ทำให้ FTX ลุกเป็นไฟ”
ที่มา: Bitcoinist