เครือข่าย Lightning network เป็น Layer-2 ของ Bitcoin ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาการ Scaling และความเร็วของการทำธุรกรรม โดยการสร้างช่องทางการจำนวนเงินแบบ Off-chain เพื่อให้ผู้ใช้งานทำธุรกรรมได้เกือบทันทีและมีค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับแบบ On-chain
การเปิดใช้งานธุรกรรมหลายรายการเกิดขึ้นนอกเครือข่ายและมีการบันทึกเฉพาะธุรกรรมรวมทั้งหมดบนเครือข่ายหลักเท่านั้น สิ่งนี้จึงช่วยลดความหนาแน่นในการใช้งานและค่าธรรมเนียม ทำให้การทำธุรกรรมขนาดเล็กเกิดขึ้นได้มากขึ้น และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของเครือข่าย
การเติบโตของเครือข่าย Lightning network สามารถบ่งบอกได้ว่ามีผู้คนจำนวนมากใช้ Bitcoin ในการทำธุรกรรมในชีวิตประจำวัน ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี
Capacity ของ Lightning Network หมายถึง จำนวนธุรกรรม Bitcoin ทั้งหมดใน Lightning network ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่ง Capacity ที่ลดคงอาจทำให้เกิดปัญหาหากมีธุรกรรมจำนวนมากเกิดพร้อมกัน
ข้อมูลจาก Glassnode ระบุว่า Capacity ของ Lightning network ลดลงอย่างมากในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม โดยได้ลดลงมาถึง 13% ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา
การลดลงนี้ทำให้กลับมาที่ระดับต่ำสุดในเดือนธันวาคม 2022
Channels ถือเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของ Lightning network เป็นเส้นทางส่วนตัวแบบ Off-chain ที่ทำให้ 2 ฝ่ายสามารถทำธุรกรรมได้โดยไม่ต้องไปปรากฏบน On-chain Channels ที่เพิ่มขึ้นบ่งบอกถึงเส้นทางการทำธุรกรรมที่มากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครือข่าย และการเติบโตนี้ทำให้เครือข่ายมีผู้ใช้งานเพิ่มมากขึ้น
จำนวน Channels บนเครือข่าย Lightning Network ได้เพิ่มขึ้นมาถึง 3% ในช่วงเวลาเดียวกัน
เหตุผลที่เป็นไปได้สำหรับข้อขัดแย้งนี้ก็คือ ผู้ใช้งานมีการสร้าง Channel ที่เพิ่มขึ้นในปริมาณ Bitcoin ที่น้อยลง ซึ่งนี่อาจบ่งชี้ถึงเครือข่ายมีความกระจายมากขึ้น โดยผู้ใช้งานแต่ละคนต้องการจะเปิด Channel ด้วยตนเองแทนที่จะพึ่งพา Channel ของแพลตฟอร์มเจ้าต่าง ๆ
แม้ว่าสิ่งจะอาจมองว่าเป็นหนทางสู่ความกระจายอำนาจ แต่สิ่งนี้อาจจะบ่งชี้ว่าผู้เล่นรายใหญ่กำลังถอน Bitcoin ออกจากเครือข่าย ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากความไม่แน่นอนของตลาด หรือไม่ก็การเปลี่ยนแปลงพอร์ตการลงทุน
Source: CryptoSlate