<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

3 ปัจจัยที่อาจช่วยขับเคลื่อนตลาด Crypto ให้กลับเข้าสู่ช่วง bull run ในครั้งต่อไป

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในทุกเหตุการณ์สำคัญจำเป็นต้องใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาที่จะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการระเบิดในครั้งต่อไป มันเป็นอย่างเช่นนั้นมาตั้งแต่การเกิดบิ๊กแบง ซึ่ง  Cryptocurrency ก็ไม่ต่างกัน เมื่อ  Bitcoin กลับเข้าสู่ช่วง Bullruin อีกครั้ง การ breakout ก็อาจจะเกิดขึ้นภายในชั่วข้ามคืน

โดยที่แรงขับเคลื่อนจากเศรษฐกิจมหภาคและระดับจุลภาคมากมายจะเป็นตัวกำหนด  Bull Run ในครั้งถัดไป ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดจะเข้าสู่โหมด ‘ขาขึ้นเท่านั้น’  และจะนำพาให้ crypto ตัวอื่น ๆ ก็จะพากันขึ้นตามไปด้วย

อย่างไรก็ดียังไม่มีการระบุเวลาอย่างแน่ชัดว่าตลาดกระทิงจะมาถึงเมื่อไร แต่นักลงทุน crypto ทุกคนรู้ว่าสุดท้ายแล้วตลาดกระทิงจะมาถึงอย่างแน่นอน แน่นอนว่ามีปัจจัยมากมายที่อาจส่งผลให้ตลาด crypto เกิด Bull Run ได้อีกครั้ง และปัจจัยที่ว่านั้นมีอะไรบ้างเราไปดูกันเลย 

Bitcoin Spot ETF

ปัจจัยขับเคลื่อนประการแรกของ Bitcoin ที่จะทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นนั้นคือการที่ SEC อนุมัติ กองทุน Bitcoin Spot ETF  เนื่องจากสถาบันการเงินหลายแห่งได้พยายามยื่นขอจัดตั้ง Bitcoin spot ETF มาเป็นระยะเวลาหลายปีแล้ว แต่ SEC มักจะปฏิเสธเสมอ โดยอ้างถึงโอกาสในการปั่นราคา

แต่ตอนนี้ BlackRock ได้กลายเป็นตัวตั้งตัวตีในการยื่นจดทะเบียนกองทุน Bitcoin spot ETF และด้วยความที่ BlackRock เป็นยักษ์ใหญ่ทางด้านการเงิน จึงมีความเป็นไปได้มากว่าการที่สถาบันการเงินออกมาเคลื่อนไหวแบบนี้จะสามารถเกิดขึ้นจริง

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา CEO Larry Fink เริ่มพูดถึงแต่สิ่งดีๆ เกี่ยวกับ Bitcoin ในขณะที่ยื่นสมัคร ETF กำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็วผ่านกระบวนการอนุมัติ ในขณะเดียวกัน สถาบันการเงินอื่น ๆ ก็ได้เข้ามามีส่วนในการยื่นจดทะเบียนด้วยเช่นกัน

สำหรับระยะเวลาในพิจารณาอนุมัติ Bitcoin ETF มีความเป็นไปได้ว่ากองทุนจะได้รับการอนุมัติภายในช่วงครึ่งหลังของไตรมาสที่ 2 หรือภายในไตรมาสที่ 1 ของปี 2024 อย่างช้าที่สุด

Bitcoin  Halving

อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าพฤษภาคมปีหน้า Bitcoin จะเกิดการ Halving ซึ่งเป็นกลไกของเครือข่ายที่จะปรับลดอัตราการผลิตหรือการออก Bitcoin ลดลงครึ่งหนึ่งในทุก ๆ 4 ปี

ปัจจุบันอัตราการ Bitcoin ต่อบล็อคมีจำนวนอยู่ที่ 6.25 BTC และจะผลิตบล็อคเฉลี่ยทุกๆ 10 นาทีโดยประมาณ แต่หลังจากการ halving ในเดือนพฤษภาคมปี 2024 รางวัลนี้จะลดลงเหลือแค่ 3.13 BTC

ความสำคัญของการ halving ที่แท้จริงอยู่ที่ผลกระทบทางจิตวิทยา

ประการหนึ่ง เป็นเหตุการณ์ตามปฏิทินที่สามารถซื้อขายล่วงหน้าและซื้อขายย้อนหลังได้ ซึ่ง BTC มักจะมีราคาเพิ่มขึ้นไม่กี่เดือน หลังจากการ halving

ประการที่สอง อัตราการปรับลดรางวัลบล็อกที่ลดลงจะช่วยเพิ่มความหายาก ให้กับ Bitcoin นั่นหมายความว่าจะมีเพียง Bitcoin 21 ล้านเหรียญเท่านั้น ในอุปทานเหรียญทั้งหมด

สำหรับผลกระทบของการ halving ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีความสัมพันธ์กับราคาเป็นอย่างมาก ประเด็นเดียวที่ต้องตัดสินใจก็คือเมื่อใดที่มันเริ่มต้นขึ้น จะเกิดขึ้นก่อนหรือหลังการ halving

การกำกับดูแลด้านกฎระเบียบที่เป็นมิตรกับคริปโต

กฎระเบียบของ Crypto มักถูกอธิบายในบริบทเชิงลบอยู่เสมอ นี่เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้เนื่องจากความพยายามส่วนใหญ่ในการควบคุมอุตสาหกรรมคริปโต นั้นจะมาจากฝั่งสหรัฐอเมริกาที่มีท่าทีเป็นปฏิปักษ์กับสกุลเงินดิจิทัล

SEC ภายใต้ประธานคนปัจจุบัน Gary Gensler มีมุมมองที่มองว่า Crypto ส่วนใหญ่ล้วนเป็นหลักทรัพย์  ในขณะที่ Gensler  ทำอะไรได้น้อยมากเพื่อปกป้องนักลงทุนคริปโต 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีอุปสรรคด้านกฎระเบียบ แต่ก็ยังมีสัญญาณว่าสิ่งต่างๆ กำลังเคลื่อนไปในทิศทางที่ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีการเสนอกฎระเบียบใหม่ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้บริโภคและสถาบันต่างๆ เข้าร่วมในตลาดคริปโตได้ง่ายขึ้น

สรุป

ไม่ว่าปัจจัยไหนเกิดก่อนกันก็มีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาทำให้ราคา Bitcoin พุ่งอย่างรุนแรงและนำพาตลาดคริปโตเข้าสู่ภาวะตลาดกระทิงได้ในที่สุด

ที่มา: dailyhodl