ผู้ผลิตกระเป๋าคริปโตฮาร์ดแวร์ Ledger ได้เปิดตัวบริการกู้คืน seed phrase “Recover” ในสัปดาห์นี้ แม้จะมีเสียงวิจารณ์อย่างต่อเนื่องว่า บริการดังกล่าวลดทอนความปลอดภัยของกระเป๋าเงินคริปโตเพื่อแลกกับความสะดวกสบายของผู้ใช้บริการ
ฟีเจอร์ Ledger Recover ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากนักวิจารณ์บางคนที่ระบุว่าบริการนี้เป็นการละเมิดคำมั่นสัญญาด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของบริษัท ที่ทำงานโดยการเข้ารหัส คัดลอก และแบ่งคีย์ส่วนตัวของผู้ใช้ออกเป็นสามส่วน ซึ่งจะถูกเก็บไว้โดย Ledger บริษัทรักษาความปลอดภัยคริปโต Coincover และผู้ให้บริการอิสระ
อย่างไรก็ตาม Pascal Gauthier ซีอีโอของ Ledger กล่าวแย้งว่า ผู้คนจำนวนมากสูญเสียสินทรัพย์ดิจิทัลของตนเพราะพวกเขาสูญเสีย Secret Recovery Phrase (SRP) SRP คือชุดคำที่ให้ผู้ใช้เข้าถึงกระเป๋าเงินดิจิทัลของตนได้ หากผู้ใช้สูญเสีย SRP พวกเขาจะสูญเสียการเข้าถึงเงินทุน
Gauthier ยังกล่าวอีกว่า ความเสี่ยงนี้เป็นอุปสรรคต่อผู้คนที่มีการเก็บรักษา Crypto ด้วยตัวเองแทนที่จะใช้บริการดูของผู้ดูแลบุคคลที่สาม
ผู้ใช้ที่ไม่เห็นด้วยกล่าวว่า Ledger กำลังลดทอนความปลอดภัยในการใช้งาน จากการขอให้ผู้ใช้จ่ายเงินเพื่อทำให้ private keys ของตนเองมีความเสี่ยงมากขึ้น แต่บริษัทระบุว่าฟีเจอร์นี้เป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการการปกป้องเพิ่มเติมจากการทำรหัส Recovery Phrase สูญหาย
เบื้องต้นฟีเจอร์ Ledger Recover จะอนุญาตให้ใช้งานเฉพาะผู้ใช้งาน Ledger Nano X เท่านั้น แต่จะรวมเข้ากับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของบริษัท เช่น Ledger Stax และ Nano S Plus ในอนาคต อย่างไรก็ตามผู้ใช้ต้องยืนยันตัวตนของตน โดย Ledger อ้างว่าขั้นตอนยืนยันตัวตนนี้รุกล้ำความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานน้อยกว่ามาตรการยืนยันตัวตน KYC แบบทั่วไป
อย่างไรก็ดีฟีเจอร์ Recover มีค่าบริการอยู่ที่ 9.99 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือประมาณ 120 ดอลลาร์ต่อปี หากผู้ใช้ไม่ชำระเงิน ทางบริษัทจะให้ระยะเวลา 9 เดือนในการเปิดใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวอีกครั้งก่อนที่จะต้องเสียค่าธรรมเนียมการจัดการในราคา 50 ดอลลาร์
ทั้งนี้การเปิดตัวฟีเจอร์ Recover เกิดขึ้นหลังจากที่ Ledger หยุดการพัฒนา Recover เมื่อช่วงต้นปีนี้ หลังคู่แข่งอย่าง Trezor เลือกที่จะหลีกเลี่ยงการเปิดตัวบริการกู้คืนบนคลาวด์ และแทนที่ด้วยการเสนออุปกรณ์สำรองข้อมูลทางกายภาพสำหรับการกู้คืนรหัส Seedphrase
Ledger ยืนยันว่าฟีเจอร์ Recover จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ในแง่ของความยืดหยุ่นและความเสี่ยงต่อการสูญหายของ private keys แต่นักวิจารณ์ก็ยังโต้แย้งว่าช่องโหว่ใหม่ที่อาจเกิดขึ้นนั้นมีน้ำหนักความเป็นไปได้มากกว่า
ที่มา: blockonomi