<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Binance ประกาศเปิดตัวกระเป๋าเงิน Web3 ตัวใหม่ ฉลองผู้ใช้ลงทะเบียนครบ 120 ล้านคน

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Binance ประกาศเปิดตัว Web3  wallet ใหม่ที่งาน Binance  Blockchain Week ในอิสตันบูล โดยจะเปิดให้ใช้งานสำหรับผู้ใช้ทุกคนผ่านแอปพลิเคชันมือถือของ Binance

ในระหว่างการเปิดตัว Changpeng “CZ” Zhao ซีอีโอ ของ Binance ได้กล่าวถึงเจตนาสำหรับการเปิดตัวบริการกระเป๋า Web3 นี้ว่า:

“กระเป๋าเงิน Web3 เป็นมากกว่าการจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัล เพราะกระเป๋าเงิน Web3 เป็นส่วนสำคัญสำหรับเทคโนโลยี Web3 โดยมันจะเข้าไปเสริมสร้างความสามารถให้บุคคลมีศักยภาพในการเงินที่ไม่ขึ้นกับอำนาจรัฐบาล”

เพื่อความเรียบง่าย กระเป๋าเงิน Web3 ของ Binance จะเปิดตัวภายในแอปพลิเคชันหลักของ Binance ซึ่งส่วนใหญ่ใช้สำหรับการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล ทั้งนี้กระเป๋าเงินนั้นใช้การเก็บข้อมูลไว้กับหลายฝ่าย (MPC) ซึ่งจะแบ่งเก็บ private key ของผู้ใช้เป็นสามส่วนเล็กๆ ที่เรียกว่าคีย์แชร์ (key shares)

“การแบ่งคีย์แชร์ออกเป็นสามส่วนที่แตกต่างกัน จะช่วยลดความเสี่ยงของคีย์ที่ถูกละเมิดและลดความอ่อนแอของระบบ”

ทั้งนี้ผู้ใช้จะเป็นผู้ควบคุมคีย์แชร์สองในสามส่วนตลอดเวลา ซึ่งจะช่วยให้สามารถเก็บรักษาสินทรัพย์คริปโตของตัวเองได้ อย่างไรก็ตามโฆษกของ Binance ยืนยันว่า Binance Web3 Wallet จะไม่สามารถใช้ได้สำหรับผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกา เนื่องจาก Binance.com ไม่ให้บริการในสหรัฐอเมริกาอีกต่อไปแล้ว ในขณะที่ CZ กล่าวเสริมว่า :

“กระเป๋าเงิน Web3 ของ Binance จะช่วยลดอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดสำหรับผู้ใช้เพื่อให้สามารถดูแลสินทรัพย์คริปโตของตนเองได้อย่างเต็มรูปแบบและเป็นสะพานที่สำคัญที่เชื่อมโยงไปสู่ความสามารถของการเงินแบบกระจายศูนย์ (  DeFi)  ความสำคัญของเราคือการสร้างความมั่นใจว่าผู้ใช้สามารถสำรวจ Web3 กับเราได้ภายในสภาพแวดล้อมที่ใช้งานง่ายและได้รับการปกป้อง”

Richard Teng หัวหน้าตลาดภูมิภาคของ Binance ระบุว่า เทคโนโลยี MPC จะช่วยขจัดความกังวลเรื่องการสูญเสีย seed phrase “เราต้องการให้ผู้ใช้ของเรามั่นใจว่าพวกเขาสามารถโต้ตอบกับ Web3 ภายในระบบนิเวศที่ปลอดภัยและได้รับการปกป้อง นั่นเป็นเหตุผลที่เราได้รวมเทคโนโลยี MPC เช่นเดียวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ของ Binance ไว้ภายใน Web3 Wallet” เขากล่าวเสริม

ทั้งนี้คีย์ทั้งสามส่วนจะถูกเก็บไว้ในสามแห่ง โดย ส่วนแรกจะอยู่กับ Binance ส่วนที่สองจะถูกเก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือของผู้ใช้ ส่วนที่สามจะถูกเข้ารหัสด้วยรหัสผ่านการกู้คืนของผู้ใช้และสำรองข้อมูลไว้ในที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ส่วนตัวของตนเอง เช่น iCloud หรือ Google Drive

ที่มา: cointelegraph