<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ชวนรู้จัก ‘Blast’ โปรเจกต์คริปโตที่ชูแนวคิด ‘เงินไม่ควรถูกวางไว้เฉย ๆ แล้วไม่ได้ผลตอบแทน’

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในโลกของ DeFi อัตราผลตอบแทนเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่กำหนดว่าแพลตฟอร์มหรือโปรโตคอลนั้นจะควรค่าแก่การลงทุนมากแค่ไหน แต่จะเป็นอย่างไรถ้าหากนักลงทุนสามารถรับผลตอบแทนสูงสุดเท่าที่สามารถทำได้ ในขณะที่ได้รับประสบการณ์จากการใช้งานไปด้วย 

ในบทความนี้ ทางสยามบล็อกเชนจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Blast โซลูชัน Ethereum Layer 2 โปรเจกต์ใหม่ที่จะปฏิวัติวิธีการรับผลตอบแทนจากสินทรัพย์คริปโตแบบเดิม ๆ แล้วมาดูกันว่าโปรเจกต์นี้จะน่าสนใจอย่างไรบ้าง

Blast น่าสนใจกว่าโปรเจกต์อื่นอย่างไร?

ด้วยการสนับสนุนเงินทุนกว่า 20 ล้านดอลลาร์จาก Paradigm และ StandardCrypto โปรเจกต์ Blast จะเสนอผลตอบแทนแบบ Native Yield สำหรับทั้ง ETH และ Stablecoin ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นฟีเจอร์ที่ทำให้แตกต่างจาก L2 ที่มีอยู่ในปัจจุบัน

ในโลกการเงินแบบดั้งเดิม อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ อัตราดอกเบี้ยแบบ RFR เช่น ตั๋วเงินคลังของสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำหน้าที่เป็นเกณฑ์มาตรฐานสำหรับผลตอบแทนแบบ RFR

ในทำนองเดียวกัน ขณะนี้ Ethereum จะให้ผลตอบแทนแบบ RFR ในรูปแบบของการ Staking ETH ซึ่งสร้างผลตอบแทน 3-4% ให้กับผู้ที่ Stake เหรียญ อย่างไรก็ตาม การใช้ฟีเจอร์นี้เพียงอย่างเดียวกลับดูดสภาพคล่องของแพลตฟอร์มไปมากถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์ 

นอกจากนี้ โซลูชัน L2 อื่น ๆ ยังคงมีอัตราดอกเบี้ยพื้นฐานที่ 0% ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ส่งผลให้มูลค่าของสินทรัพย์ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป โดยจุดนี้เองที่ Blast ก้าวเข้ามาเพื่อเชื่อมช่องว่างระหว่าง RFR และ L2

Blast ทำงานอย่างไร?

Blast เป็น L2 ตัวแรกที่ให้ผลตอบแทนแบบ Native Yield ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้จะได้รับรางวัลโดยอัตโนมัติสำหรับการถือ ETH หรือ Stablecoin ของตนบน Blast โดยไม่จำเป็นต้อง Stake เหรียญ หรือมีส่วนร่วมอื่น ๆ ในโปรโตคอล ดังนั้นถ้าหากเรามี 1 ETH ในกระเป๋าเงินบน Blast เงินของเราก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.04, 1.08, 1.12 ETH โดยอัตโนมัติเมื่อเวลาผ่านไป

ไม่ใช่แค่ ETH เท่านั้น การถือเหรียญ Stablecoin บน Blast ก็จะให้ผลตอบแทนในลักษณะเช่นเดียวกัน โดยเมื่อเรา bridge เหรียญ Stablecoins เช่น USDC, USDT หรือ DAI ไปยัง Blast เหรียญเหล่านั้นจะถูกฝากไว้ในโปรโตคอล T-Bill แบบ On-Chain เช่น MakerDAO และผลตอบแทนจะถูกส่งคืนให้กับผู้ใช้ Blast เป็น USDB ซึ่งเป็น Stablecoin แบบ Auto-Rebasing ของ Blast

นอกจากนี้ Blast ยังเป็นโปรเจกต์ EVM ที่เข้ากันได้ Optimistic Rollup ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลตอบแทนพื้นฐานให้กับผู้ใช้และนักพัฒนาอีกด้วย

ตามประกาศล่าสุดจากบัญชี X (Twitter) ของ Blast ระบุว่าในขณะนี้ Blast ยังคงอยู่ในระหว่างการพัฒนา แต่ผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้ด้วยการเข้าร่วมกิจกรรม Early Access โดยถ้าหากใครสนใจ จะต้องอ้างอิงโพสต์ทวีตของทางโปรเจกต์ พร้อมระบุเหตุผลว่า “ทำไมถึงรู้สึกตื่นเต้นเกี่ยวกับ Blast” ซึ่งจากนั้นทางโปรเจกต์จะสุ่ม DM รหัสเชิญร่วมกิจกรรมให้กับผู้โชคดี 20 คน

ทั้งนี้ทุกคนที่เข้าร่วมจะสามารถฝากเงินเพื่อรับผลตอบแทน (4% สำหรับ ETH และ 5% สำหรับ Stablecoin) รวมทั้งรางวัลที่จะแจกเป็น Blast Points ก่อนการเปิดตัว Mainnet ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024

ที่มา: Blast