<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Vitalik Buterin เผยต้องการแก้ไขโมเดล Proof-of-Stake ของ Ethereum

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ตามบล็อกโพสต์ที่ Vitalik Buterin ผู้สร้าง Ethereum ได้เผยแพร่เมื่อวานนี้ เขาได้เสนอแนวทางในการลดภาระของเครือข่ายที่เกิดจากจำนวนผู้ตรวจสอบสิทธิ์ (validator) ที่มีจำนวนมาก โดยปัจจุบันจำนวนผู้ตรวจสอบสิทธิ์มีอยู่ที่จำนวนประมาณ 895,000 คน

จำนวนผู้ตรวจสอบสิทธิ์จำนวนมากนั้น ส่งเสริมการกระจายอำนาจของ Ethereum อย่างไร้ข้อกังขา เปิดโอกาสให้แม้แต่บุคคลทั่วไปก็สามารถเข้าร่วม staking และรับผลตอบแทนได้ แต่อีกด้านหนึ่ง การมีผู้ตรวจสอบสิทธิ์จำนวนมากถือเป็นการสร้างภาระหนักให้กับเครือข่าย

Vitalik Buterin ผู้สร้าง Ethereum ระบุว่า ภาระและความซับซ้อนทางเทคนิคในปัจจุบันสูงเกินไป และจำเป็นต้องหาทางแก้ไข

ตามข้อมูลจาก Coingecko พบว่า ข่าวนี้ส่งผลดีต่อราคา Ethereum (ETH) ซึ่งพุ่งขึ้น 6.1% ภายใน 24 ชั่วโมง ทำจุดสูงสุดของปีนี้ที่ 2,363 ดอลลาร์

Buterin คิดว่า ระบบการรวบรวมลายเซ็นในปัจจุบัน ซึ่งประมวลผลลายเซ็นได้ประมาณ 28,000 ลายเซ็นต่อรอบ ส่งผลให้เกิดความซับซ้อนเชิงระบบ และไม่บรรลุเป้าหมายสูงสุดในการเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าร่วมการ staking

“ดูเหมือนว่าระบบที่ทุกคนต้องเซ็นลายเซ็นในทุกๆ รอบนั้น ไม่น่าจะทำให้บุคคลทั่วไปเข้าร่วม staking ได้อย่างแท้จริงในระยะยาว เพราะหาก Ethereum มีผู้ใช้งาน 500 ล้านคน และ 10% ของพวกเขาทำการ staking นั่นหมายถึงจะมีลายเซ็น 100 ล้านรายเซ็นต่อรอบ” Buterin กล่าว

Ethereum Slots

ในเครือข่าย Ethereum คำว่า “slot” หมายถึงหน่วยของเวลา โดยในแต่ละ slot จะมีระยะเวลา 12 วินาที ซึ่งในช่วงเวลานี้เครือข่ายจะสุ่มเลือกผู้ตรวจสอบสิทธิ์ (validator) เพื่อเสนอบล็อกเข้าสู่ slot นั้นๆ

Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum เสนอว่าให้รักษาจำนวนลายเซ็นต่อ slot ไว้ที่ 8,192 ลายเซ็น (แทนที่จะเป็น 28,000 ลายเซ็นที่ใช้ในปัจจุบัน) จะช่วยลดความซับซ้อนทางเทคนิคที่เครือข่ายกำลังเผชิญอยู่

แนวทางสามประการของ Buterin

Vitalik Buterin ได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาภาระเครือข่าย Ethereum จำนวน 3 ข้อ ดังนี้

1. Staking Pools:

วิธีนี้เสนอให้เพิ่มเงิน staking ขั้นต่ำเป็น 4,096 ETH เพื่อจูงใจผู้ที่มีเงิน staking น้อยให้เข้าร่วมกลุ่ม staking pools วิธีนี้ช่วยลดจำนวนผู้ตรวจสอบสิทธิ์โดยรวม แต่ขณะเดียวกันก็เพิ่มเกณฑ์เข้าร่วมสำหรับบุคคลทั่วไป

2. เลเยอร์ของผู้ตรวจสอบสิทธิ์:

วิธีนี้แบ่งผู้ตรวจสอบสิทธิ์ออกเป็น 2 ชั้น ชั้นแรก (“หนัก”) ใช้เงิน Stake ขั้นต่ำ 4,096 ETH และทำหน้าที่หลักในการสร้างบล็อก ส่วนชั้นที่สอง (“เบา”) ไม่ใช้เงิน Stake  ขั้นต่ำ ทำหน้าที่เสริมสร้างความปลอดภัย วิธีนี้จะช่วยลดภาระให้กับระบบ  ลดความเท่าเทียมในการเข้าร่วม staking และแบ่งชนชั้นผู้ตรวจสอบสิทธิ์

3. ชุมชนผู้ตรวจสอบสิทธิ์แบบหมุนเวียน:

วิธีนี้เลือกชุมชนผู้ตรวจสอบสิทธิ์จากกลุ่มผู้ตรวจสอบสิทธิ์ที่ใช้งานอยู่แล้ว และหมุนเวียนทุก slot เพื่อเพิ่มความปลอดภัย จุดด้อยของวิธีนี้คือ เพิ่มความซับซ้อนให้กับระบบ แต่ข้อดีคือ รักษาการ staking แบบเดี่ยวไว้ อนุญาตให้มีระบบชั้นเดียว และลดเงิน staking ขั้นต่ำลงได้มาก (เช่น 1 ETH)

การกำจัดภาระ

นักพัฒนายืนยันว่าการกำหนดจำนวนลายเซ็นต่อ slot ไว้ที่ 8,192 ลายเซ็นจะช่วยลดความซับซ้อนทางเทคนิคที่เครือข่ายกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันลงอย่างมาก

เขาเขียนไว้ในบล็อกโพสต์ว่า “ผู้บริหาร consensus client จะทำงานได้ง่ายขึ้นมาก ผู้ใช้ ผู้ที่ชื่นชอบการ staking และอื่นๆ จะสามารถทำงานตามข้อกำหนดนี้ได้ทันที” และสรุปว่า “ภาระในอนาคตของโปรโตคอล Ethereum จะไม่ใช่สิ่งที่คาดเดาไม่ได้อีกต่อไป”

ที่มา: the defiant