เป็นที่ฮือฮาอย่างมากในวงการคริปโตของไทย ที่จู่ ๆ เมื่อวานนี้ (วันที่ 16 ม.ค. 2567) ทาง Gulf Binance ได้ออกมาประกาศเปิดตัวเว็บเทรดอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ซึ่งการเปิดตัวในครั้งนี้เป็นการ joint venture ระหว่าง Binance กระดานเทรดคริปโตยักษ์ใหญ่ของโลก และ Gulf Innova บริษัทลูกของ Gulf Energy โดยในบทความนี้ทางสยามบล็อกเชนจะมารีวิวแพลตฟอร์ม Binance.th กันแบบเจาะลึกว่า แพลตฟอร์ม Binance จะมีการปรับปรุง อัพเดทอะไรเพิ่มเติมไปบ้างจากฝั่งของ Binance Global
ขั้นตอนการสมัครเข้าใช้งาน
เมื่อเข้ามาที่หน้าแรกของเว็บไซต์ Binance.th เราจะเห็นว่า ดีไซน์ของเว็บไซต์เน้นโทนสีของแบรนด์ Binance อย่างสีเหลือง และดำ โดยในหน้าแรกจะประกอบไปด้วย แบนเนอร์การสมัครสมาชิก ตามมาด้วย ฟีดข่าวการประชาสัมพันธ์ ราคาของเหรียญตัวเด่น ๆ และข้อมูลของแพลตฟอร์ม
และนอกเหนือจากการใช้งานบนเว็บ browser แล้วนั้นผู้ใช้งานยังสามารถใช้งานผ่านแอปพลิเคชันมือถือได้อีกด้วย ซึ่งอันดับแรกเราจะมาดูวิธีการใช้งานบน Web browser กันก่อน โดยเราสามารถทำการเปลี่ยนภาษาระหว่าง ไทย – อังกฤษ ได้ด้วยเพียงแค่คลิกที่มุมขวาบน
ถัดมาเลยจะเป็นส่วนของการลงทะเบียน ซึ่งผู้ใช้ใหม่จะต้องทำการลงทะเบียนเพื่อเปิดบัญชี ขั้นตอนจะเหมือนกับการสมัครบัญชีทั่วไป ที่กรอกข้อมูลเสร็จเรียบร้อยระบบจะทำการส่งอีเมล์เข้ามาให้เรานำรหัสที่ได้มากรอก ก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ในขั้นแรก
เมื่อ login เข้ามาจะถูกระบบส่งเข้ามายัง แดชบอร์ดก่อน ซึ่งจะเป็นเหมือนหน้าหลักของโปรไฟล์เราว่า ขณะนี้ถือสินทรัพย์อะไรอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่ว่ามาถึงขั้นตอนนี้แล้วจะทำการเทรดได้แล้วนะ เราขอติดไว้ก่อนเพียงสักครู่เดียว เดี๋ยวเราจะอธิบายเพิ่มเติมให้ในส่วนด้านล่าง
ถัดมาเลยจะเป็นเรื่องของการตั้งค่าความปลอดภัยให้บัญชี สามารถกดได้จากแถบ sidebar ด้านซ้าย
โดยภายในจะประกอบไปด้วย การยืนยันตัวตนต่าง ๆ อาทิเช่น 2FA ผู้ใช้งานที่สนใจจะเข้ามาซื้อขายควรเปิดใช้งานตัวเลือกต่าง ๆ เหล่านี้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัญชีของคุณ
จากนั้นกดเข้ามายังเมนู Identification เพื่อทำการยืนยันตัวตน และระบบจะเข้าสู่หน้าต่าง QR code เพื่อทำการ download แอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ โดยจะสนับสนุนทั้งระบบ Android และ iOS
เมื่อติดตั้งแอปเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราจะต้องทำการล็อกอินเข้าใช้งานบนแอป ซึ่งขั้นตอนเหมือนกันกับการใช้งานบน Web browser สำหรับใครที่ไม่ได้เริ่มต้นจากเว็บก็ไม่ต้องตกใจเพราะขั้นตอนไม่ได้มีความแตกต่างกันจะแตกต่างกันเฉพาะ User Interface เพียงเท่านั้น
เมื่อเข้าใช้งานแอป Binance.th ให้ผู้ใช้งานกดที่มุมบนซ้าย เพื่อเปิดหน้าต่างเมนู จากนั้นกดที่แถบสีเหลืองด้านขวาเพื่อทำการยืนยันตัวตน
เมื่อกดเข้ามาระบบจะให้กรอกเบอร์โทรศัพท์มือถือ และกดส่งรหัสเข้าไปยังโทรศัพท์ ให้ผู้ใช้งานกรอกรหัสที่ได้มาจากทั้ง SMS และ อีเมล์ (แยกกัน)
เมื่อยืนยันหมายเลขโทรศัพท์สำเร็จ ระบบจะให้ตรวจสอบสถานะของผู้ใช้งาน และให้กดดำเนินการต่อ ซึ่งก่อนจะดำเนินการต่อให้ผู้ใช้งานตรวจสอบข้อมูลให้ดี ว่าข้อมูลทั้งหมดที่ระบุ สอดคล้องกับเอกสารประจำตัวของ ผู้ใช้งานจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เมื่อได้รับการยืนยันแล้ว
ถัดมาจะเป็นการเปิดใช้งานบัญชี โดยผู้ใช้ต้องอัพโหลดเอกสารบัตรประจำตัวประชาชนไทย ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง โดยภาพถ่ายเอกสารของผู้ใช้จะต้องมีความคมชัด และเห็นข้อมูลครบถ้วน ระบบจะทำขึ้นข้อมูลให้ตรวจสอบซึ่งหากไม่ตรงตามบัตรผู้ใช้สามารถทำการแก้ไขในระบบได้ จากนั้นอัพโหลดเอกสารเข้าสู่ระบบ
เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วระบบจะให้ทำการถ่ายภาพเซลฟี่ของตนเอง โดยให้ปฏิบัติตามคำสั่งที่ขึ้นบนหน้าจอ และไม่ควรทำการรีเฟรชหรือพับหน้าจอในขณะที่ดำเนินงานในขั้นตอนนี้ **เพราะในหนึ่งวันสามารถยืนยันตัวตนได้สูงสุด 5 ครั้ง หากไม่สำเร็จ จะต้องรอ 24 ชั่วโมง** เมื่อเสร็จสิ้นให้กดดำเนินการต่อไปเพื่อไปยังการยืนยัน NDID
มาต่อกันที่ขั้นตอนในการทำ NDID ใครสะดวกใช้ Dip Chip ก็สามารถทำได้ แต่ในบทความนี้เราขอนำเสนอเป็นวิธีการแบบปกติ ซึ่งมีวิธีการดังภาพด้านบน
เมื่อเข้ามาแล้วให้เลือกธนาคารที่ท่านได้มีการลงทะเบียน NDID ไว้ จากนั้นกดเข้าแอปพลิเคชันธนาคารที่ท่านเลือก แล้วค้นหาเมนูการยืนยันตัวตนด้วย NDID ภายในแอปธนาคาร ซึ่งกระบวนการนี้มีเวลาจำกัด 1 ชั่วโมง แต่หากเป็นระบบ Dip chip จะมีระยะเวลาให้ 24 ชั่วโมง
จากนั้นเมื่อยืนยัน NDID สำเร็จให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลต่าง ๆ ให้กับ Binance และตั้งรหัส PIN 6 หลัก
และในขั้นตอนสุดท้ายผู้ใช้งานจำเป็นที่จะต้อง ตอบคำถามแบบทดสอบความเหมาะสมด้านการลงทุน (Suitability test) และ ทำแบบทดสอบความเข้าใจเรื่องคริปโทฯ (Knowledge Test) ให้ครบถ้วนทุกข้อ
หลังจากดำเนินการเสร็จสิ้นตามขั้นตอนทั้งหมด ระบบจะตรวจสอบข้อมูลของผู้ใช้งานและเมื่อใบสมัครได้รับการอนุมัติแล้วผู้ใช้งานจะได้รับการยืนยันทางอีเมลอีกครั้ง เป็นอันเสร็จสิ้น
การซื้อขายเหรียญคริปโตฯ บนแพลตฟอร์ม
ในขณะนี้ทาง Binance.th ได้มีการลิสต์คู่เหรียญในสกุลเงินบาทเป็นจำนวน 3 เหรียญด้วยกัน ได้แก่ Bitcoin (BTC) , Ethereum (ETH) และ Tether ( USDT)
สำหรับเหรียญอื่น ๆ สามารถเทรดได้เช่นกัน แต่จำเป็นที่จะต้องใช้ USDT ในการเทรด ซึ่งสามารถนำมาใช้เทรดได้มากถึง 110 คู่เหรียญ พูดง่าย ๆ คือแม้จะมีแค่ 3 เหรียญ ที่ให้เทรดกับสกุลเงินบาทได้โดยตรง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถเทรดเหรียญอื่น ๆ ได้ เพียงแต่ผู้ใช้ Binance.th อาจจะต้องเสียเวลาและเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มสักเล็กน้อย ในการซื้อ USDT มาเทรดเหรียญอื่น ๆ ก่อนนำมาขายเป็นสกุลเงินบาท
นอกจากนี้ยังเป็นที่สังเกตได้ว่าในปัจจุบันตัวของ Binance.th จะเปิดให้ทำการซื้อขายกันเฉพาะ Spot อย่างเดียว ยังไม่มีการเปิดการซื้อขายสัญญา Futures ซึ่งในอนาคตอาจจะมีหรือไม่ต้องติดตามท่าทีของแพลตฟอร์มกันต่อไป
สำหรับ User Interface ในส่วนซื้อขายก็จะเป็นดังภาพด้านล่างที่ผู้ใช้งานสามารถปรับตั้งค่ารูปแบบของกราฟได้ไม่ว่าจะเป็นดูแบบ Original , TradingView , Depth เพียงกดที่แถบด้านบน
ส่วนในแถบด้านล่างจะเป็นแถบคำสั่งซื้อขาย ซึ่งมีเครื่องมือสำคัญอย่าง stop limit order เอาไว้ให้ใช้งานด้วย
สำหรับหน้าต่างการใช้งานบนโทรศัพท์จะแตกต่างกับบนเว็บไซต์เล็กน้อยดังภาพด้านล่าง โดยฝั่งซ้ายจะเป็นหน้าเมนูหลัก และฝั่งขวาเป็นหน้าการซื้อขาย
การฝากเงินบาท
ในส่วนของการฝากเงินบาทเข้า Binance.th นั้นสามารถทำได้โดยกดเข้าไปยังเมนูกระเป๋าเงิน และ เลือก “ฝาก” จากนั้นเลือกฝากเงินบาท สำหรับผู้ใช้งานในแอปเมนูการฝากจะอยู่ส่วนบนของหน้าหลักในแอป
จากนั้นให้เราระบุจำนวนเงินที่ต้องการฝาก และเลือกวิธีการชำระเงินผ่าน โมบาย แบงค์กิ้ง และคลิกยืนยัน โดยการฝากจะมีขั้นต่ำอยู่ที่ 100 บาทต่อครั้ง สูงสุด 2,000,000 บาทต่อครั้ง และมีวงเงินในการฝากเงินสูงสุด 2,000,000 บาทใน 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ชื่อในบัญชีของผู้ฝากจะต้องตรงกับบัญชีของ Binance ถึงจะทำการฝากได้ และจะได้รับเงินในบัญชี Binance.th หลังทำธุรกรรมเสร็จสิ้นภายใน 1 นาที ไปจนถึง 24 ชั่วโมง
ต่อมาให้ทำการลงทะเบียนบัญชีธนาคารของคุณ โดยการเลือกธนาคารที่ผู้ใช้งานต้องการจากรายการดรอปดาวน์ และกรอกหมายเลขบัญชีธนาคารลงในกล่องด้านล่าง จากนั้นกดยืนยัน และตรวจสอบข้อมูลที่ปรากฏ และกดสร้าง QR Code ตามภาพด้านล่าง
สแกน QR Code ด้วยแอปธนาคารที่ได้ระบุ และดำเนินการฝากเงิน จากนั้นคลิกยืนยัน เพื่อไปยังหน้ารอการทำรายการ ก็จะเป็นอันเสร็จสิ้น ซึ่งทาง Binance.th ได้ให้คำแนะนำว่าควรเลี่ยงการฝากเงินในช่วง 5 ทุ่มครึ่งจนถึงเที่ยงคืนเพราะจะเป็นเวลาที่ทำการปรับปรุงระบบ
การฝากเหรียญคริปโตฯ
วิธีการใกล้เคียงกับการฝากเงินบาท โดยเริ่มจากกดเข้ามายังเมนูฝาก และเลือกฝากคริปโต ระบบจะพามายังหน้าฝากเหรียญ ให้ผู้ใช้เลือกเหรียญที่ต้องการจะฝาก
จากนั้นเลือกเครือข่ายที่ต้องการใช้สำหรับธุรกรรมฝาก เช่น BNB, BSC, ETH, BTC, TRX
ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครือข่ายที่เลือกนั้นเหมือนกับเครือข่ายของแพลตฟอร์มที่คุณกำลังถอน หากคุณเลือกเครือข่ายผิด สินทรัพย์ของคุณอาจสูญหายและไม่สามารถกู้คืนได้ ซึ่งหากคุณไม่เคยสร้างที่อยู่การฝากมาก่อน ให้กดรับ Address เพื่อสร้างที่อยู่การฝากใหม่
เมื่อตรวจสอบข้อมูลครบถ้วนแล้วให้ทำการกด Icon คัดลอก เพื่อคัดลอกที่อยู่ และนำที่อยู่นั้นวางลงในช่อง Address ของแพลตฟอร์มที่คุณจะถอนคริปโต หรือ จะใช้เป็นการคัดลอก QR ก็ได้
เมื่อมีคำสั่งยืนยันแล้วจากแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้งานทำการถอนเหรียญให้รอเวลาในการยืนยันธุรกรรม เมื่อเหรียญถูกโอนเข้ามาก็จะเป็นการจบกระบวนการ โดยผู้ใช้งานสามารถเช็คประวัติการทำธุรกรรมได้ที่ Dashboard ของตน
การถอนเงินบาท
สำหรับไฮไลท์สำคัญของ Binance.th คือ การที่เราสามารถถอนเงินออกมาเป็นเงินบาทได้ผ่านธนาคารโดยตรง ในขั้นตอนของการถอนส่วนแรกนั้นจะเหมือนการฝากทุกประการ คือ ผู้ใช้งานกดเข้าไปที่เมนู “ถอน” (ด้านบนซ้ายสำหรับเว็บไซต์ หรือ ส่วนเมนูถอนในหน้าหลักของแอป) จากนั้นระบุจำนวนเงินที่ต้องการถอน
จำนวนเงินที่ถอนได้จะเท่ากับจำนวนเงินที่ฝากได้ คือมีขั้นต่ำที่ 100 บาท และสูงสุดที่ 2,000,000 บาท โดยจำกัดการถอนที่วันละ 2 ล้านบาท
เมื่อยืนยันจำนวนเงินได้แล้วให้กดเลือกบัญชีธนาคารที่เคยทำรายการฝากถอนสำเร็จ หรือ ผูกบัญชีธนาคารใหม่ และทำการกรอกข้อมูลเพิ่มเติม
จากนั้นระบบจะให้ทำการตรวจสอบความถูกต้องอีกรอบ ให้กดยืนยัน จากนั้นจะมีหน้าต่างป๊อปอัปเด้งขึ้นมาให้ทำการกดยืนยันอีกครั้ง ระบบจะพามายังการยืนยันครั้งสุดท้ายที่ผู้ใช้งานจะต้องกรอกรหัสจากหมายเลขโทรศัพท์ หรือ อีเมล์ ที่ได้ระบุไว้โดยกดปุ่มส่งรหัส เมื่อยืนยันเรียบร้อยจะเป็นการจบขั้นตอนในการถอนเงิน
สรุป
Binance.th เพิ่งเปิดตัวมาได้ไม่นานทำให้เรายังไม่สามารถให้ข้อมูลที่ละเอียดมากกว่านี้ได้ แต่จากการทดสอบเบื้องต้นทีมงานพบว่า ตัวของ Binance.th นั้นไม่ได้มีระบบอำนวยความสะดวกให้มากเท่ากับตัวของ Binance Global อาจเป็นเพราะการที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ภายใต้กฎหมายไทย ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ในตอนนี้เทรดได้เพียงแค่ Spot และมีเหรียญแค่ 3 คู่เทรดกับเงินบาท ในส่วนของ Interface นั้นมีการออกแบบที่ดูดี เข้าใจและใช้งานง่าย ประกอบกับ การมีภาษาไทยยิ่งช่วยให้การใช้งานนั้นราบรื่นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งขั้นตอนการทำ KYC และ NDID
สุดท้ายนี้คงจะไม่กล่าวถึงคงเป็นไปไม่ได้สำหรับระบบถอนเงินผ่านช่องทางธนาคารพาญิชย์ของไทย ที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก ไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับการถอนเงินอีกต่อไป
ข้อดี-ข้อเสียของ Binance.th
ข้อดี
- สามารถฝาก-ถอน เงินบาทได้โดยตรง ผ่านธนาคาร
- มีภาษาไทยให้บริการทั้งบนเว็บไซต์ และ แอปพลิเคชัน
- ยืนยันตัวตนได้สะดวก
ข้อเสีย
- ไม่มีฟีเจอร์หลัก ๆ ใน Binance Global เช่น Futures, Stake , Launchpool
- ยังไม่มีช่องทางการติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า มีเพียงแค่ FAQ และ ระบบแชท
- จำนวนเหรียญที่เปิดให้ซื้อขายคู่กับเงินบาทยังมีจำนวนที่น้อยในปัจจุบัน
“สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้