สำหรับใครที่ไม่ทราบ ในอดีต “Silk Road” คือเว็บไซต์ตลาดมืดอันดับหนึ่ง ที่มีการซื้อขายตั้งแต่ของใช้ปกติไปถึงของที่น่าสะอิดสะเอียนเกินกว่าจะจินตนาการได้ ไม่ว่าจะเป็น อาวุธสงคราม, ยาเสพติด, หนังผู้ใหญ่แบบ “พิเศษ” หรือ คลิปการฆาตกรรม หรือการทรมาณ ซึ่งได้ปิดตัวลงหลังจาก FBI และ Europol ได้ร่วมมือกันจับกุมเจ้าของเว็บไซต์ได้สำเร็จ ซึ่งการชำระค่าสินค้าในเว็บไซต์นั้นสามารถชำระได้ด้วย Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินที่ใช้กันแพร่หลายในเว็บไซต์แห่งนี้ ทำให้มี Bitcoin จำนวนมากถูกอายัดไว้โดยรัฐบาลสหรัฐฯ
ล่าสุดศาลสหรัฐฯ ประจำรัฐแมริแลนด์ ได้มีคำสั่งยึด Bitcoin จำนวนมหาศาลจากสองผู้ต้องหาที่มีความเกี่ยวข้องกับ Dark web อย่าง Ryan Farace และ Sean Bridges จากเมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี เป็นจำนวน 2874.904256 BTC และอีก 58.742155166 BTC จาก Ryan Farace จากเมืองอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย คิดเป็นมูลค่ากว่า 132.5 ล้านดอลลาร์
เรื่องราวเข้มข้นขึ้นไปอีกเมื่อ Joseph Farace วัย 72 ปีจากเมืองสปาร์กส์ รัฐแมริแลนด์ ต้องโทษจำคุกนาน 19 เดือนด้วยคำตัดสินจากผู้พิพากษา Deborah K. Chasanow ในข้อหามีส่วนร่วมในการสมรู้ร่วมคิดในการฟอกเงิน ในขณะเดียวกัน Ryan Farace บุตรของเขาวัย 38 ปี ก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำเป็นเวลา 54 เดือนในคดีเดียวกัน ซึ่งพ่อลูกคู่นี้ไม่ได้มาเล่น ๆ แต่พวกเขานั้นตั้งปฏิบัติการใหญ่สำหรับการฟอก Bitcoin ที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด
สำหรับตัวของ Ryan Farace เคยมีประวัติมาก่อนในปี 2018 ที่เขาได้ถูกจับในข้อหาผลิต และจัดจำหน่ายยา alprazolam (ในไทยรู้จักกันในชื่อ ยาเสียสาว) โดยแลกกับ Bitcoin ซึ่งเขาก็ได้ให้การว่าเขาความจำเสื่อม และไม่สามารถระบุที่ซ่อนของ Bitcoin ได้แต่ทาง feds ก็ตรวจพบอยู่ดีและทำการยึด Bitcoin จำนวน 24 BTC จากเขา แสดงให้เห็นถึงความเจ้าเล่ห์ของ Ryan
ไม่เพียงเท่านั้นขณะที่ Ryan กำลังใช้ชีวิตหลังลูกกรงเขาได้สมคบคิดกับพ่อตัวเองในการฟอก Bitcoin ที่พวกเขามีอยู่ โดยวิธีที่พวกเขาทำคือ การทำธุรกรรมแบบลับ ๆ ผ่านมือถือที่แอบลักลอบนำเข้าไป ซึ่ง Bitcoin ที่จะนำมาฟอกนั้นมีจำนวนมากถึง 2,874 BTC และกำลังจะถูกโอนไปยังบัญชีธนาคารอื่นในต่างประเทศ แต่ทาง feds สามารถสกัดไว้ได้ทัน
เป็นผลให้ในขณะนี้สาธารณชนกำลังตั้งตารอการประมูล Bitcoin จำนวนมหาศาลนี้ ซึ่งนี่ไม่ใช่แค่การประมูลธรรมดาเท่านั้น แต่เป็นปรากฏการณ์ที่แสดงให้เห็นอำนาจของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจมืด
อย่างไรก็ตาม Bitcoin ซึ่งเคยเป็นเครื่องมือการเงินให้กับธุรกิจมืดเหล่านี้ กำลังจะถูกชุบตัวใหม่ให้กลายเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ได้รับการยอมรับจากทั้งสถาบันการเงิน และรัฐบาล เป็นการส่งสัญญาณว่าไม่ว่าเหล่าโจรจะใช้เทคโนโลยีใหม่ขนาดไหนก็ไม่พ้นสายตาของกฎหมายไปได้
ที่มา : cryptopolitan