FTX อดีตเว็บเทรดคริปโตชื่อดัง ที่กำลังเผชิญปัญหาหนี้สินจำนวนมากหลังจากล่มสลายไปเมื่อปี 2022
ปัจจุบัน FTX พยายามหาเงินมาชำระหนี้ โดยเร่งระดมทุนสองทางหลัก หนึ่งคือ การขายสินทรัพย์ คริปโต วิธีนี้ช่วยได้ระยะสั้น แต่ราคาคริปโตที่ผันผวนอาจส่งผลต่อรายได้ที่ได้รับ สองคือการเทรดอนุพันธ์ ( Bitcoin derivatives) แต่การเทรดลักษณะนี้มีความเสี่ยงสูง เกิดกำไรหรือขาดทุนขึ้นอยู่กับการคาดการณ์ตลาด
ซึ่งปัจจุบันทั้งสองวิธีนี้ได้ช่วยให้ FTX สามารถระดุมทุนไปได้แล้วถึง 4.4 พันล้านดอลลาร์แต่การชำระหนี้คืนลูกค้าเต็มจำนวนยังคงไม่แน่นอน
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2022 การล้มละลายของ FTX ส่งผลให้ตลาดคริปโตมูลค่าลดลงอย่างรุนแรง ตามมาหนี้สินมหาศาลหลายพันล้านบาทที่ลูกค้าไม่สามารถถอนสินทรัพย์ของตนได้
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา FTX พยายามหาทางชดใช้หนี้คืนให้ลูกค้า โดยในเดือนสิงหาคม 2023 บริษัทได้เสนอแผนการชำระหนี้แบบใหม่ ด้วยการจ่ายคืนเป็นเงินสด พร้อมทั้งฟื้นฟูแพลตฟอร์ม เพื่อกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งสำหรับผู้ใช้ในต่างประเทศ ภายใต้ชื่อ FTX(.)com
ตามข้อมูลของ Bloomberg : FTX สามารถระดมทุนได้ 4.4 พันล้านดอลลาร์ ภายในเดือนธันวาคม ปี 2023 เพิ่มขึ้นจาก 2.3 พันล้านดอลลาร์ในเดือนตุลาคม
ในเดือนธันวาคม FTX สามารถสร้างรายได้ถึง 1.8 พันล้านดอลลาร์ จากการขายสินทรัพย์คริปโต นอกจากขายสินทรัพย์แล้ว FTX ยังมีกลยุทธ์ทางการเงินโดยการเทรด Bitcoin derivatives เพื่อบริหารความเสี่ยงและเพิ่มผลกำไรจากการถือครองคริปโต
Zerohedge บล็อกด้านการเงินชื่อดังตั้งข้อสังเกตว่า FTX ว่า FTX อาจเป็นนักเทรด Short futures รายใหญ่ของ Bitcoin ซึ่งหากราคา Bitcoin เพิ่มขึ้นอย่างมาก FTX อาจประสบปัญหาทางการเงิน
FTX ยอมรับว่า พวกเขาอาจไม่สามารถชำระหนี้คืนลูกค้าได้เต็มจำนวน และผู้ใช้งาน FTX(.)com อาจเผชิญกับความสูญเสียมากขึ้นไปอีก
ที่มา : coinpaprika