หลายวันก่อน Sam Altman CEO ของ OpenAI ได้ให้สัมภาษณ์กับ Alexis Ohanian ผู้ร่วมก่อตั้ง Reddit ว่า เขาคาดว่าในอนาคตจะเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ AI ในการสร้างสตาร์ทอัพยูนิคอร์นที่มีมูลค่าธุรกิจมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์
Altman กล่าวว่า ในกลุ่มเล็ก ๆ ของ CEO บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยี พวกเขามีเดิมพันกันว่า บริษัทมูลค่าพันล้านดอลลาร์ที่มีคนเพียงคนเดียวจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ซึ่งสถานการณ์แบบนี้ถือเป็นเรื่องที่จินตนาการไม่ออกหากไม่มีปัญญาประดิษฐ์ (AI) แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นความจริงไปแล้ว
James Currier ผู้ร่วมถือหุ้นของ NFX มองว่าการคาดการณ์ดังกล่าวไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ในอนาคต แม้ในช่วงสองปีที่ผ่านมากลุ่มอุตสาหกรรมสตาร์ทอัพจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการระดมทุน จนทำให้บางบริษัทกลายก้าวขึ้นมาเป็นยูนิคอร์น นักลงทุนบางส่วนมองว่าเรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคทองแห่งการเริ่มต้นธุรกิจ ซึ่งหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจสตาร์ทอัพคือ ความสะดวกรวดเร็ว และ AI จะเข้ามาเพิ่มศักยภาพการแข่งขันได้ โดย AI จะเข้ามาทดแทนกระบวนการทำงานแทนมนุษย์ไปโดยปริยาย
เมื่อ 2 ปีก่อน Currier ได้ตีพิมพ์บทความเรื่อง “The 3-Person Unicorn Startup” เพื่ออธิบายว่า เครื่องมือ AI ในเจนต่อไป จะสามารถใช้ทีมงานเพียงแค่ 3 คนในการสร้างกระบวนการทำงานแบบอัตโนมัติเพื่อสร้างการเติบโตให้ธุรกิจที่เน้นซอฟแวร์เป็นหลัก จนสามารถสร้างรายได้มูลค่ามากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถเพิ่มศักยภาพในการเเข่งขันได้มากขึ้น โดยใช้เงินทุนที่น้อยลง
มุมมองดังกล่าวสอดคล้องให้เห็นถึงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับบทบาทของ AI ที่จะใช้เปลี่ยนระบบนิเวศของกลุ่มอุตสาหกรรมสตาร์ทอัพ โดยจะโฟกัสไปที่การสร้างทีมขนาดเล็กสำหรับสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จมากที่สุด
เหตุผลเหล่านี้ Currier ได้เรียกมันว่า “Allometric Scaling” ซึ่งมันมีความหมายดังต่อไปนี้
-Allometric Scaling คือ แนวคิดทางชีววิทยาที่อธิบายถึงความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตที่มีความแตกต่างกัน และมีลักษณะทางชีววิทยาเฉพาะตัว (เช่น อัตราการเผาผลาญ ขนาดหัวใจ ขนาดสมอง และอื่นๆ”
-ความสัมพันธ์ลักษณะนี้มันจะไม่เป็นเส้นตรงและไม่เป็นสัดส่วน ในทางชีววิทยาการปรับ Allometric จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจความแตกต่างทางชีวภาพของสิ่งมีชีวิตต่างๆ และความแตกต่างเหล่านี้จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้อย่างไร
Currier กล่าวว่าในยุค AI ทุกบริษัทกำลังอยู่ในช่วงของการปรับ Allometric Scaling ซึ่งเราจะสังเกตุได้ว่า AI กำลังเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ภายในองค์การ เช่นเดียวกับ ระบบการเผาผลาญ การเติบโต และการเต้นของหัวใจ ที่อยู่ภายในร่างกายของคุณ
ถ้าบริษัทสามารถลดจำนวนพนักงานลงได้ การดำเนินธุรกิจทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น จะมีการประชุมที่น้อยลง ความขัดแย้งทางการเมืองภายในที่น้อยลง การตัดสินใจที่เร็วขึ้น การดำเนินงานก็จะเร็วมากขึ้น นอกจากนี้การที่องค์กรมีคนจำนวนน้อยลงจะส่งผลต่อลดปัญหาเกี่ยวกับการจัดการสรรหาบุคคลกรด้วย เช่น การสัมภาษณ์ การอบรม การให้คำปรึกษา การประเมิน ไปจนถึงการเลิกจ้าง ในขณะที่การมีจำนวนบุคลากรที่น้อยลง ยังส่งผลให้ใช้เวลาระดมทุนน้อยลง เงินทุนที่ได้รับน้อยลง ไปจนถึงสัดส่วนของผู้ก่อตั้งที่ลดลงด้วย
Currier กล่าวเสริมว่า เครื่องมือของ AI บางตัวก็มีลัษณะการทำงานที่ง่ายมากๆ จนไม่จำเป็นต้องอาศัยแรงงานมนุษย์ ธุรกิจบางแห่งหลังจากใช้ AI ในการบริการลูกค้าก็จำนวนลดพนักงานที่ทำหน้าที่นี้ได้มากถึง 90% Currier กล่าวว่า “AI จะไม่เข้ามาแทนที่คุณ แต่คนที่มี AI ต่างหากที่จะมาแทนที่คุณ”
สำหรับธุรกิจที่จะเติบโตเป็นยูนิคอร์นได้โดยมีผู้ก่อตั้งเพียงแค่คนเดียว ต้องเป็นธูรกิจซอฟแวร์ที่ต้องอาศัยการติดต่อกับผู้บริโภคเท่านั้น
ซึ่งปัจจุบันก็มีบางบริษัทที่ใช้ทีมงานเล็กๆที่มีประสิทธิภาพการทำงานสูง (รายได้สูง) ในการดำเนินธุรกิจ เช่น Instagram ซึ่งมีทีมงานเพียงแค่ 13 คนเมื่อขายให้กับ Facebook ในราคา 1 พันล้านดอลลาร์ในปี 2555 WhatsApp ที่มีทีมวิศวกร 35 คนในการสร้างระบบจนมีบัญชีผู้ใช้ งานมากถึง 450 ล้านคน จนถูกซื้อกิจการด้วยมูลค่า 5.7 หมื่นล้านบาท (6 พันล้านดอลลาร์)และ Midjourney ที่สร้างแพลตฟอร์มในการสร้างศิลปะผ่าน AI
อย่างไรก็ตามบริษัทยูนิคอร์นไม่ว่าจะเป็นบริษัมที่มีทีมงานเพียงแค่คนเดียว หรือ ทีมงานสามคน โดยพื้นฐานแล้วจะต้องมีการใช้ AI มารันระบบการทำงานแทนมนุษย์อยู่ดี ในทางตรงกันข้าม Allometric Scaling จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศในองค์กรที่เราคาดไม่ถึง
จากรายงานแสดงงบทางการเงินที่ได้จากการรวบรวมข้อมูลจาก ServiceNow ทำให้เรารับรู้ว่า AI จะสร้างผลตอบแทนมหาศาลในการดำเนินการธุรกิจได้ โดยจะมีธุรกิจ 3 กลุ่มที่มี ACV values ( Annual Contract Valu) มีมูลค่าเกิน 3 หมื่นล้านบาท (1 พันล้านดอลลาร์) และมี 11 กลุ่มธุรกิจที่มีมูลค่ากิจการเกิน 9 พันล้านบาท (250 ล้านดอลลาร์)
Bill McDermott CEO บริษัทที่อยู่ใน ACV values ของ ServiceNow ได้กล่าวในการประชุมว่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ถูกสร้างโดย AI มีสัดส่วน ACV มากที่สุดในบรรดาผลิตภัณฑ์ทั้งหมด โดยพบว่าลูกค้ายินดีจ่ายเงินเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์ที่สร้างโดย AI มากขึ้น McDermott กล่าวเพิ่มเติมว่า
“ลูกค้าเต็มใจจ่ายเงินค่าซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่ม หากเราสามารถซ่อมให้เขาได้ภายในวันเดียว สิ่งนี้แหละส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ของเรามีอัตรากำไรที่สูงขึ้น นี่คือการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจที่ดำเนินการผ่านแพลตฟอร์ม AI นอกจากลูกค้าจะยินดีจ่ายเงินเพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพภายในองค์กร นำไปสู่การสร้างมูลค่าที่แท้จริงได้ ในระหว่างที่นักพัฒนากำลังพัฒนาระบบ AI ยังเพิ่มความเร็วให้กับนวัตกรรมได้มากถึง 52% อีกด้วย ”
จากรายงานประจำปี ARR ( Annual Recurring Revenue)ของ ServiceNow ระบุว่ารายได้ประจำปีของกลุ่มบริษัทเหล่านี้ มีมูลค่าเกิน 1 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ เติบโตขึ้นสูงกว่า 27% ต่อปี โดยมีลูกค้ามากกว่า 1,900 คนที่มีรายได้ 35 ล้านบาท (1 ล้านเหรียญดอลล่าร์) ในขณะที่การเติบโตของพนักงานมีระดับที่เติบโตต่ำกว่ารายได้ หมายความว่าผลกำไรของบริษัทจะเติบโตพร้อมกับศักยภาพของบริษัท
ล่าสุด GitHub จะมีโปรเจ็ค “GPT Newspaper” ซึ่งผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะใช้ AI Agent ในการดำเนินกิจการทั้งหมด ซึ่งโปรเจ็คดังกล่าวคือการสร้างหนังสือพิมพ์ส่วนบุคคลเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ซึ่ง GPT Newspaper จะมีการนำเอา AI มาใช้งานแทนมนุษย์ผ่านกระบวนการ 6 ขั้นตอน ดังนี้
- กระบวนการค้นหา : AI จะค้นหาเว็บไซต์ข่าวที่มีความเกี่ยวข้องมากที่สุด
- กระบวนการคัดกรอง : AI จะกรองข่าวตามความต้องการหรือความสนใจของผู้บริโภค
- กระบวนการเขียน : AI จะเขียนบทความที่เป็นมิตรกับผู้อ่านมากที่สุด
- กระบวนการวิจารณ์: AI จะแนะนำเนื้องานที่สมควรได้รับปารปรับปรุงให้กับนักเขียน จนกว่าบทความจะอนุมัติให้ตีพิมพ์
- กระบวนการออกแบบ: AI จะออกแบบและจัดวางบทความเพื่อดึงดูดสายตาผู้อ่านมากที่สุด
- กระบวนการจัดพิมพ์: AI จะมีบริการเผยแพร่หนังสือพิมพ์ไปสู่สาธารณะ
(ขั้นตอนการดำเนินการทำGPT Newspaper โดยใช้ AI)
มีการคาดการณ์ว่าอาจเป็นไปได้ที่จะมีการนำโมเดล AI มาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจด้วยตัวคนเดียวจะประสบความสำเร็จในปี 2024 ไม่ใช่แค่กับสตาร์ทอัพเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการนำ AI ไปใช้ในธุรกิจขนาดใหญ่ด้วย
ที่มา :reddit