<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เจาะลึกข้อมูลคริปโต: นักลงทุนชาวไทยชอบ Bitbot หรือ Unibot มากกว่ากัน?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในตอนนี้คริปโตที่อยู่บนแพลตฟอร์ม Telegraph กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นี่โดยเฉพาะกับ Bitbot ที่กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมาก รวมถึง Unibot ที่เข้ามาเป็นคู่แข่งคนสำคัญในกลุ่มนักลงทุนประเทศไทย

ซึ่งสาเหตุที่Bitbot ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น เพราะว่ามันเป็น Bot ที่ตรวจจับคริปโตที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มันได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลกเป็นอย่างมาก

และหลังจากที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 มกราคม โปรเจกต์นี้ก็ได้ระดมทุนไปได้แล้วถึง 572k ดอลลาร์ในเวลาเพียง 4 สัปดาห์เท่านั้น ซึ่งการที่มันได้รับความนิยมที่เพิ่มมากขึ้นแสดงให้เห็นถึงกระแสของบอท Telegram ที่กำลังเติบโตมากขึ้นในวงการคริปโต

อ่านต่อเพื่อดูว่าบอทเทรด Telegram ตัวใดที่นักลงทุนชาวไทยเลือกใช้ระหว่าง Bitbot หรือ Unibot

Bitbot: คริปโตที่เติบโตรวดเร็วมากที่สุดในประเทศไทย

Bitbot เป็นบอทเทรด Telegram ที่ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาการเทรดและการลงทุนที่ยุ่งยากในโลกคริปโต โดยมันไม่เหมือนกับบัตรเทรดแบบเดิมๆ เพราะ Bitbot มีหน้าจอการใช้งานที่ลื่นไหล เป็นมิตรกับผู้ใช้ รวมถึงช่วยให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับตลาดได้โดยตรงผ่านแอปข้อความบน Telegram เพื่อลดช่องว่างระหว่างการลงทุนที่ซับซ้อนและความสะดวกในการใช้งานรายวัน

ด้วยเครื่องมือสุดล้ำสมัยนี้ไม่ใช่แค่ช่วยทำให้ผู้ใช้ใช้งานได้ง่ายขึ้น แต่มันเป็นประตูที่จะช่วยเสริมพลังให้กับนักลงทุน และช่วยให้นักลงทุนได้ข้อมูลเชิงลึกจากตลาดอย่างทันท่วงที นอกจากนี้ Bitcot ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การเทรดอัตโนมัติ และการเข้าถึงโอกาสต่างๆ มากมายบนโลกคริปโต ที่จะทำให้โลกคริปโตเคอร์เรนซีจะกลายเป็นเหมือนสนามเด็กเล่นของนักเทรดทั้งมือใหม่และผู้มีประสบการณ์ ที่จะช่วยให้พวกเขาสามารถทำการตัดสินใจได้อย่างมีแม่นยำและคล่องตัว

นอกจากนั้น โทเค็น BITBOT ยังถือเป็นคริปโตที่เป็นหลักสำคัญของนวัตกรรมในระบบนิเวศ Bitbot เพราะมันจะช่วยทำให้ผู้ใช้ได้พบกับการผสมผสานระหว่างการกำกับดูแล และการมีส่วนร่วมของชุมชน ในขณะที่ได้เข้าร่วมกับความสำเร็จด้านการเงินของแพลตฟอร์มผ่านนวัตกรรมโมเดลการแชร์รายได้

อย่างไรก็ตาม ความน่าสนใจของโทเค็น BITBOT มีมากกว่าแค่ด้านการทำกำไรทางการเงินเท่านั้น เพราะมันช่วยให้ผู้ถือได้พบกับโลกที่เต็มไปด้วยสิทธิประโยชน์น่าตื่นเต้น และมาพร้อมกับ Airdrops ที่ออกแบบมาเพื่อเสริมประสบการณ์การลงทุนด้วยรางวัลก้อนโต

นอกจากนี้ Bitbot ยังมีความตั้งใจที่จะรักษามูลค่าของโทเค็นผ่านกลยุทธ์การเผาที่จะทำให้มันมีมูลค่ามากขึ้นในระยะยาวอีกด้วย

Unibot คืออะไร?

Unibot เป็นอีกหนึ่งในบอทเทรด Telegram ที่มีชื่อเสียงในวงการคริปโตเคอร์เรนซี โดย Unibot ได้มีการนำกลยุทธ์และเครื่องมือต่างๆ มาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการเทรดได้ตามค่าที่กำหนดไว้, ทำการวิเคราะห์ตลาด ,สัญญาณ และที่สำคัญคือใช้มันเพื่อซื้อ ขาย และแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีจำนวนมาก

เรามาดูกันกว่าว่า ระหว่าง Bitbot กับ Unibot นั้นจะเป็นอย่างไรบ้างเมื่อนำมาเปรียบเทียบกัน และตัวใดที่เป็น Bot ที่นักลงทุนชาวไทยเลือก

คาดการณ์ราคา Bitbot vs. Unibot และตัวไหนจะเป็น Bot ที่นักลงทุนชาวไทยเลือกใช้?

ก่อนอื่น ความปลอดภัยถือเป็นหัวใจสำคัญสำหรับนักลงทุนทุกคนในประเทศไทย โดยที่ Bitbot ได้ประกาศตัวเองว่าเป็นบอทเทรด Telegram แบบ Non-custodial ตัวแรกของโลก ด้วยการสนับสนุนของ KnightSafe

ซึ่งแนวทางนี้ถือว่ามีความปลอดภัยมากกว่า เพราะมันทำให้ผู้ใช้มีสิทธิในการเข้าถึงเงินของตัวเองได้โดยตรง ส่งผลให้ Bitbot มีความได้เปรียบอย่างมาก เมื่อเทียบกับ Unibot ที่ราคาเหรียญร่วงลงมากกว่า 40% ภายในชั่วโมงเดียวหลังจากที่กระเป๋าเงินของบริษัทถูกแฮ็ก ตามรายงานของ CoinJournal

นอกจากนี้ Unibot ยังให้ผลตอบแทนจำนวนมากกับนักลงทุน จากการที่ราคาเหรียญได้เพิ่มขึ้นถึง 200 เท่าจากราคาการ Presale ในอีกด้านหนึ่ง Bitbot ก็สามารถระดมเงินได้จำนวนมากในระหว่าง Presale เช่นเดียวกัน โดยทางบริษัทมีเป้าหมายที่จะก้าวข้ามความสำเร็จของ Unibot ไปให้ได้ ไม่ใช่แค่ด้านการเงินแต่ยังเป็นในด้านของความนิยมอีกด้วย ส่งผลให้ชุมชนของ Bitbot มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและมีผู้ติดตามมากกว่า 112k ราย บน X และสมาชิกมากกว่า 6,200 รายในกลุ่ม Telegram

และเมื่อพูดถึงทางด้านของผู้ใช้งาน ผู้ถือ BITBOT จะสามารถเข้าถึงกลุ่มสุดพิเศษที่มีผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ผ่านห้องแชทแบบไพรเวท ซึ่งเป็นเพียงแค่หนึ่งในแนวทางของชุมชนที่ไม่ใช่แค่การสร้างเครือข่ายเท่านั้น แต่มันคือทรัพยากรที่มีคุณค่าเพื่อใช้สำหรับการแชร์ข้อมูลเชิงลึก, กลยุทธ์ และคำแนะนำ เพื่อที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่ทุกคนจะสามารถเติบโตได้

อีกสิ่งที่น่าสังเกตคือดูเหมือนว่า BITBOT จะมีความได้เปรียบมากกว่านั้น มาจากการที่ตัวโครงกาสามารถระดมทุนได้ถึง 6 หลักภายใน 24 ชั่วโมง และด้วยราคาเริ่มต้นที่อยู่เพียงแค่ 0.0100 ดอลลาร์ ทำให้โทเค็น BITBOT ราคาเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึง 0.0200 ดอลลาร์เมื่อครบกำหนด 15 ขั้น ซึ่งจะทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในสินทรัพย์คริปโตที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในตอนนี้

ซึ่งการคาดการณ์นี้อ้างอิงมาจากความนิยมบนแพลตฟอร์ม Telegram ที่เพิ่มมากขึ้น และถึงแม้ว่ามันเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่มูลค่าตลาดรวมของตัวโครงการนั้นกลับเพิ่มขึ้นเกือบถึง 0.5 พันล้านดอลลาร์ โดยมีผู้แข่งขันเพียงไม่กี่รายเท่านั้น

และถึงแม้ว่า Unibot จะพบกับปัญหาด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แต่ราคาเหรียญก็ได้พุ่งขึ้นไปถึง 200 ดอลลาร์ สร้างผลตอบแทนให้กับผู้สนับสนุนในช่วงเริ่มต้นได้มากถึง 200 เท่า จากข้อมูลของ CoinDesk

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ Unibot ได้โดนโจมตีด้านไซเบอร์ ทำให้ตลาดต่างมองหาตัวเลือกที่มีความปลอดภัยมากกว่า จึงเป็นที่มาของ Bitbot ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง และเป็นเหมือนผู้สืบทอดที่เหมาะสม ที่พร้อมแล้วที่จะทำมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 100 เท่าแล้ว

สรุป

โดยสรุปแล้ว Unibot ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างผลตอบแทนก้อนโตให้กับผู้ร่วมลงทุนในช่วงเริ่มต้น ในขณะที่ Bitbot ได้ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งในกลุ่มนักลงทุนชาวไทย ที่เน้นไปในด้านความปลอดภัย สิทธิ์การควบคุมของผู้ใช้ และมีชุมชนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

นอกจากนั้น Bitbot ยังมีแนวทางแบบ Non-custodial ที่เน้นย้ำถึงปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อ Unibot โดยตรง ทำให้มันมีโอกาสกลายเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับผู้ใช้ และนักลงทุนที่ต้องการเน้นในด้านความปลอดภัยและสิทธิ์ในการควบคุมเงินลงทุนของตัวเอง

โดยในตอนนี้คุณสามารถเข้าร่วมการ Presale ของ Bitbot ได้แล้ววันนี้ และรีบคว้าโทเค็นของคุณก่อนที่จะหมด – นี่คือโอกาสที่คุณไม่ควรพลาด ก่อนที่โทเค็นกำลังถูกขายออกอย่างรวดเร็ว

เรียนรู้เพิ่มเติมและซื้อโทเค็น BITBOT, ไปยังเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ

บทความนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโปรเจกต์เหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่เท่านั้น ทางผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาในการแนะนำหรือเชิญชวนให้ลงทุนแต่อย่างใด คริปโทเคอร์เรนซี และ โทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

บทความนี้เป็นบทความสปอนเซอร์