Michael Saylor ประธานบริหารของบริษัท MicroStrategy ได้ออกมาอธิบายถึงความเชื่อมั่นของบริษัทที่มีต่อ Bitcoin ในรายการ Squawk Box ทางช่อง CNBC เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
MicroStrategy ประกาศเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพ มูลค่ากว่า 800 ล้านดอลลาร์ และนำเงินที่ได้ไปซื้อ Bitcoin ซึ่งหลังจากการซื้อครั้งนี้ ทำให้ MicroStrategy มี Bitcoin ในครอบครองทั้งหมดประมาณ 205,000 BTC
นอกจากนี้ราคา Bitcoin ได้ปรับตัวขึ้นกว่า 70% นับตั้งแต่ต้นปี ซึ่งเป็นผลมาจากกองทุน ETF ที่อ้างอิง Bitcoin แบบตรง (Spot Bitcoin ETF) ที่ได้รับอนุมัติในเดือนมกราคม
ทั้งนี้ Saylor มองว่ากองทุน ETF เหล่านี้จะดึงดูดเงินทุนจากสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ๆ เข้ามาสู่ Bitcoin และยิ่งกองทุนต่างๆ เข้ามาถือครอง Bitcoin มากเท่าไหร่ สภาพคล่องของสินทรัพย์ประเภทนี้ก็จะยิ่งมีโครงสร้างมากขึ้นเท่านั้น
นอกจากนี้ การลดลงของรางวัล Bitcoin ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายน อย่างเหตุการณ์ Halving จะยิ่งส่งผลต่ออุปสงค์และอุปทาน ทำให้ราคา Bitcoin ปรับตัวสูงขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุน
Saylor เชื่อว่า MicroStrategy เป็นทางเลือกการลงทุนใน Bitcoin ที่ดีกว่ากองทุน ETF เนื่องจากบริษัทสามารถใช้กลยุทธ์การใช้เลเวอเรจได้อย่างชาญฉลาด
การระดมทุนเพื่อซื้อ Bitcoin ช่วยให้ผู้ถือหุ้นของ MicroStrategy มีโอกาสได้รับ Bitcoin มากขึ้นตามสัดส่วนการถือหุ้น สำหรับนักลงทุนมือใหม่ การลงทุนในหุ้น MicroStrategy ช่วยให้ได้รับผลตอบแทนจากการเพิ่มขึ้นของราคา Bitcoin พร้อมกับมีการป้องกันความเสี่ยงในระดับหนึ่ง
Bitcoin เป็นสินทรัพย์การลงทุนที่ดีกว่าทองคำ หุ้น พันธบัตร และอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล สามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลา เป็นสินทรัพย์ระดับโลก มีจริยธรรม และมีประโยชน์พื้นฐาน
Michael Saylor กล่าวว่า “Bitcoin คือทองคำดิจิทัลที่ดีกว่าอย่างแน่นอน มันจะเข้ามาแทนที่ทองคำ มันมีคุณสมบัติที่ดีทั้งหมดของทองคำ แต่ไม่มีข้อเสียเลย”
MicroStrategy ยึดมั่นในกลยุทธ์การลงทุน Bitcoin อย่างแน่วแน่ ไม่ว่าราคาจะขึ้นลงอย่างไร เซย์เลอร์ บอกกับ CNBC ว่าบริษัทไม่เคยตั้งคำถามกับกลยุทธ์นี้เลยตลอดทาง
“ไม่มีปัจจัยใดที่จะฉุดราคาสินทรัพย์ชนิดนี้ลง มันไม่มีกระแสเงินสด นักวิจารณ์มองว่านี่เป็นข้อเสีย มันกลับเป็นจุดเด่นต่างหาก ด้วยเหตุที่ไม่มีกระแสเงินสด ไม่มีผลประกอบการรายไตรมาส ไม่มีวัฏจักรของผลิตภัณฑ์ นี่จึงเป็นสินทรัพย์ที่มีอายุยืนยาวที่สุดในระบบนิเวศทางการเงิน และมีความไม่แน่นอนน้อยที่สุด เราซื้อมันมาเพื่อถือไว้ 100 ปี เรากำลังรอแค่ให้คนทั้งโลกรู้ว่ามันดีแค่ไหน”
ที่มา: benzinga