เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา แพลตฟอร์มการวิเคราะห์ออนไลน์ CryptoQuant ได้ออกมารายงานถึง “วิกฤตสภาพคล่องด้านการขาย” ที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ จากความต้องการ Bitcoin พุ่งสูงขึ้นในปีนี้ โดยเฉพาะกับกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน Bitcoin (ETFs) ของสหรัฐฯ
โดยในรายงานเผยว่า ในตอนนี้ Bitcoin กำลังเผชิญหน้ากับความต้องการที่ สูงเป็นประวัติการณ์ควบคู่ไปกับสภาพคล่องด้านการขายที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สภาพคล่องของ Bitcoin ในตลาดลดลงสู่ระดับต่ำสุดเท่าที่เคยมีมา
“เราประเมินว่าสภาพคล่องฝั่งขายของ Bitcoin ในปัจจุบันเพียงพอแล้วที่จะครอบคลุมความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอีกสิบสองเดือนต่อจากนี้”
อย่างไรก็ตาม CryptoQuant ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อมูลที่มีอยู่ในตอนนี้เป็นเพียงแค่ความต้องการจาก Wallet ที่สะสม Bitcoin ซึ่งเป็น Wallet ไม่มีธุรกรรมขาออกที่ถูกรวมไว้ในการคำนวณนี้ นั่นหมายความว่าความต้องการที่แท้จริงอาจมีมากกว่านี้
“นี่เป็นเพียงการพิจารณาความต้องการจากการสะสม Bitcoin ใน Wallet ซึ่งอาจถือเป็นความต้องการ Bitcoin ระดับล่างสุดเท่านั้น”
ในขณะเดียวกัน ข้อจำกัดที่เข้มงวดของกองทุน Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ จะส่งผลให้ความต้องการ Bitcoin ชะลอตัวไปได้อีกครึ่งหนึ่ง เพราะว่ากองทุนเหล่านี้สามารถซื้อ Bitcoin ได้จากหน่วยงานของสหรัฐฯ เท่านั้น
ซึ่งหลังจากที่รายงานดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไป Ki Young Ju ซีอีโอของ CryptoQuant ก็ได้ออกมาอธิบายว่าวิกฤตสภาพคล่องที่เกิดขึ้นนี้จะส่งผลให้อุปทานเก่า หรือเหรียญที่ถูกผลิตออกมานานแล้วกลับมาอีกครั้ง ซึ่งเห็นได้ชัดจากการที่เจ้ามือตั้งแต่ปี 2010 เริ่มเคลื่อนไหว Bitcoin ของพวกเขา
นอกจากนี้ Ki ยังเชื่อว่าอุปทานของ Bitcoin จะขาดแคลนมากยิ่งขึ้นในอีก 6 เดือนต่อจากนี้ ซึ่งส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากกองทุน Bitcoin ETF ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และได้ทำลายสถิติเงินทุนไหลเข้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ตลอดเวลา
โดยข้อมูลล่าสุดจากบริษัทการลงทุน Farside เผยว่า เมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา กองทุน Bitcoin ETF ได้มีเงินทุนไหลเข้าสุทธิมากถึง 400 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากที่สุดในรอบสองสัปดาห์
ที่มา: Cointelegraph