<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นักลงทุนจับตามองโปรเจกต์ Bitbot หลัง MicroStrategy คาดการณ์ราคา Bitcoin จะเป็นไปในเชิงบวก

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

MicroStrategy คือบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งนักลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีต่างรู้จักบริษัทนี้เป็นอย่างดี เนื่องจาก MicroStrategy เป็นบริษัทที่ถือครอง Bitcoin มากที่สุดในขณะนี้ โดยมุมมองเชิงบวกของบริษัทที่มีต่อ Bitcoin นั้นได้ส่งผลดีต่อตลาดคริปโตในวงกว้างด้วยเช่นกัน ซึ่งรวมไปถึงการ Presale ของ Bitbot ที่กำลังประสบความสำเร็จในขณะนี้ด้วย

Bitbot ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับเป็นบอทเทรดบน Telegram ที่มีความปลอดภัยมากที่สุด ทำให้การ ICO ของ Bitbot กลายเป็นที่สนใจ และกวาดเงินระดมทุนไปได้ถึง 1.3 ล้านดอลลาร์ จากนักลงทุนหลายพันคน ถ้าคุณอยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้ Bitbot กลายเป็นการลงทุนที่น่าสนใจ และ ทำไมมุมมองเชิงบวกของ MicroStrategy ที่มีต่อ Bitcoin อาจส่งผลให้การ Presale ถูกขายหมดภายในไม่กี่สัปดาห์นี้ สามารถอ่านได้ที่เนื้อหาข้างล่างนี้ได้เลย

ปัจจุบัน MicroStrategy ถือครอง Bitcoin มูลค่ากว่า 4 พันล้านดอลลาร์

ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา MicroStategy ได้ถือครอง Bitcoin เพิ่มขึ้นจำนวน 200,500 BTC คิดเป็น 0.976% จากจำนวนอุปทานสูงสุดทั้งหมด 21 ล้าน BTC สะสมแข่งกับ Blackrock ที่ถือครอง Bitcoin ผ่าน Spot Bitcoin ETF

ขณะเดียวกัน Michael Saylor ผู้ก่อตั้ง MicroStategy ได้เป็นกระบอกเสียงที่สนับสนุน Bitcoin มาอย่างต่อเนื่อง และเขาก็ได้รับผลตอบแทนจากการถือครอง Bitcoin ไปได้อย่างล้นหลามกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และกำไรที่ได้จะเพิ่มอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ Bitcoin ได้ทำสถิติสูงสุดใหม่เมื่อไม่นานมานี้

ความเชื่อมั่นใน Bitcoin ของ Saylor ได้เป็นปัจจัยเชิงบวก คล้ายกับคลื่นลูกใหญ่ที่ส่งผลดีกับตลาดคริปโตเคอร์เรนซีทั่วโลก อย่างเช่น การPresale ของ Bitbot ซึ่งเป็น โปรเจกต์น้องใหม่ในวงการบอทเทรด Telegram ชูจุดเด่นเรื่องฟีเจอร์ขั้นสูงที่มุ่งเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก และมันก็ได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุน

ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2023 เป็นต้นมา ปริมาณการเทรดของบอทได้พุ่งสูงถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะปี 2024 ก็มีปริมาณการเทรดสูงถึง 6.5 พันล้านดอลลาร์​ Bitbot มีศักยภาพเพียงพอที่จะมาชิงส่วนแบ่งทางการตลาด ทำให้นักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในช่วงเริ่มต้นจะสามารถกำไรก้อนโตจากการเข้ามาลงทุนในครั้งนี้

ทำไมนักลงทุนถึงให้ความสนใจกับ Bitbot

ขณะนี้บอทเทรด Telegram กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างล้นหลาม ทว่าก็ได้มีความวุ่นวายเกิดขึ้นในวงการเมื่อมีผู้ใช้งานนามว่า Maestro ถูกขโมย Etheruam เป็นมูลค่าเกือบ 5 แสนดอลลาร์ และ Banana Gun ได้ออกมาประกาศว่าเกิดบั๊คใน Contract ที่น่าสงสัย ส่งผลให้โทเค็นของ Banana มีราคาดิ่งลงมาถึง 90% และเริ่มถูกกล่าวหาว่ามีการ Rug Pull ท่ามกลางความวุ่นวายต่าง ๆ นี้ Bitbot พร้อมแล้วที่จะมาสร้างมาตราฐานใหม่และสร้างแพลตฟอร์มที่ทำให้นักลงทุนสามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจ

ด้วยการเรียนรู้ปัญหาของโปรเจกต์ก่อนหน้า ทำให้ Bitbot ได้สร้างฟีเจอร์การเทรดขั้นสูงที่มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง Bitbot จะสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ใช้ทุกคนมีสิทธิควบคุมเงินทุนของตนเองได้จนกว่าการเทรดจะเสร็จสิ้น รวมถึงการล็อคโทเค็นของผู้พัฒนาไม่ว่าจะเป็น anti-MEV และ anti-rug pull ทำให้ Bitbot กลายเป็นบอทเทรดที่มีความปลอดภัยมากที่สุดในตลาด เนื่องจากโปรเจกต์นี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ทำให้ Bitbot มีโอกาสที่เติบโตสูงและสามารถเอาชนะคู่แข่งได้ไม่ยาก

ในส่วนของการเทรด ตัวโปรเจกต์ได้มีการใช้ AI เพื่อค้นหาสัญญาณ On-Chain สำหรับหาการลงทุนที่ดีที่สุดในตลาดคริปโต หรือหาเหรียญที่มีมูลค่าต่ำกว่าตลาดที่กำลังจะมีโอกาสพุ่งสูงขึ้น โดยข้อมูลดังกล่าวจะถูกส่งให้ผู้ถือโทเค็น Bitbot ผ่านแชทสุดพิเศษ เช่นเดียวกับ ฟีเจอร์ Copy Trade ที่ช่วยให้มือใหม่สามารถ copy การเทรดของนักเทรดชั้นนำในชุมชน Bitbot ได้ ถ้าหากมือใหม่ยังได้กำไรไม่เพียงพอ ตัวแพลตฟอร์มยังมีโปรแกรมให้ค่าธรรมเนียม 15 % ตลอดชีวิตเพื่อเป็นรางวัลสำหรับการแนะนำ ซึ่งสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับเหล่านี้ จะเป็นปัจจัยสนับสนุนมูลค่าของโทเค็นในระยะยาวได้

นอกจากนี้ตัวโปรเจกต์ยังมีศักยภาพในการทำกำไรระยะสั้นผ่านโมเดลการแชร์รายได้ โดยผู้ถือ Bitbot จะได้รับส่วนแบ่งสูงถึง 50% จากรายได้รายวันของแพลตฟอร์ม

การ Presale ของ Bitbot และศักยภาพการเติบโตในระยะยาว

ปัจจุบันโปรเจกต์ได้กวาดเงินระดมทุนไปได้ถึง 1.3 ล้านดอลลาร์ ในเฟส 6 จากทั้งหมด 15 เฟส ซึ่งในขณะนี้โทเค็น Bitbot มีมูลค่าอยู่ที่ 0.0128 ดอลลาร์ และราคาอาจมีการปรับตัวเพิ่มสูงถึง 56.25% ก่อนจะไปสิ้นสุดที่ราคาเฟสสุดท้ายที่ 0.02 ดอลลาร์ แต่นั้นเป็นเพียงศักยภาพจากการ Presale เท่านั้น เพราะขณะเดียวกันก็มีเหรียญคู่แข่งที่สามารถทำกำไรก้อนโตได้เช่นกัน ถึงแม้มันจะมีปัญหาด้านความปลอดภัยก็ตาม

โทเค็น BANANA ของ Banana Gun สามารถทำราคาไปมากถึง 60 เท่าจากราคา Presale ซึ่งนับว่าเป็นต้นแบบให้ Bitbot ได้เป็นอย่างดี ส่วนโปรเจกต์หนึ่งที่มีความใกล้เคียงกันนั่นคือ Unibot ซึ่งเป็นบอทเทรด Telegram เช่นกัน ถึงแม้มันจะถูกแฮ็กระบบรักษาความปลอดภัย เสียหายไปมากถึง 6 หลัก แต่มันก็สามารถสร้างกำไรได้มากถึง 200 เท่า ถ้านับจากราคาต่ำสุดระหว่างการ Presale จนถึงราคาสูงสุด

เมื่อลองพิจารณาจากปัจจัยดังกล่าวได้แก่

  • ตลาดคริปโตที่กำลังเติบโต ส่วนหนึ่งมาจากมุมมองเชิงบวกของ MicroStrategy ต่อ Bitcoin 
  • การพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin 
  • แนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed
  • จุดเด่นด้านความปลอดภัยของ Bitcbot 

จะพบว่าปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลให้โทเค็น Bitbot มีราคาพุ่งสูงขึ้น 50 เท่า – 100 เท่า และมีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นโปรเจกต์ชั้นนำของตลาดที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์

ขณะนี้นักลงทุนกำลังตั้งตารอ การทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวและการทำ AMA ซึ่งถือว่าเป็นตัวอย่างหนึ่งระหว่างการรอ Presale ที่จะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันน่าทึ่งที่อยู่เบื้องหลัง Bitbot

การเข้าร่วม Presale ของ Bitbot ใกล้หมดเวลาแล้ว

ด้วยแรงสนับสนุนจำนวนมากบนโซเชียลมีเดีย อย่างเช่น ผู้ติดตามจำนวน 2 หมื่นคนบน Telegram และ ผู้ติดตามบน Twitter จำนวน 1 แสนคน ทำให้โปรเจกต์ยิ่งทวีความน่าสนใจมากขึ้น

แรงสนับสนุนดังกล่าวเป็นสัญญาณแสดงให้เห็นว่าการ Presale ของ Bitbot อาจถูกขายออกหมดเร็วกว่าที่คาดการณ์ และจากแนวโน้มในปัจจุบันคาดการณ์ว่า Bitbot มีแนวโน้มจะได้รับความต้องการเพิ่มมากขึ้นบนกระดานเทรดในช่วงเฟส 1 และ เฟส 2 ซึ่งนี้ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีของการเข้าไปลงทุนให้กับผู้ที่สนใจ
หากคุณสนใจเข้าร่วมลงทุนสามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ เว็บไซต์Bitbot

บทความนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโปรเจกต์เหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่เท่านั้น ทางผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาในการแนะนำหรือเชิญชวนให้ลงทุนแต่อย่างใด คริปโทเคอร์เรนซี และ โทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้