ทั่วทั้งตลาดคริปโตและราคาของ Bitcoin มีความผันผวนตามการประกาศดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ แต่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งกระแสดังกล่าวได้หายไป อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างราคา Bitcoin และตัวเลข CPI กลับคืนมาอีกครั้งในวันนี้
หลังจากที่เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาดการณ์ ก็ทำให้ราคา Bitcoin มีความผันผวนอย่างรุนแรงภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ส่งผลให้มีการชำระบัญชีในการเทรดแบบ Future ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายเกือบ 300 ล้านดอลลาร์
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนมีนาคม 2024 เพิ่มขึ้น 3.5% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าสูงกว่าตัวเลขของเดือนกุมภาพันธ์
ในส่วนของดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมภาคส่วนที่มีความผันผวนสูงอย่างพลังงานและอาหาร ก็พุ่งสูงขึ้นเช่นกันที่ 3.8% เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคมปีก่อน
โดยตัวเลขทั้งสองนี้ออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ทั่วไป ส่งผลให้เกิดการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) จะดำเนินการอย่างไรต่อไปในภารกิจต่อสู้กับเงินเฟ้อ
เหตุการณ์นี้ยังส่งผลให้เกิดความผันผวนมากขึ้นในตลาด Bitcoin และตลาดคริปโตทั้งหมดด้วยเช่นกัน
ราคาของ Bitcoin ร่วงลงมาอยู่ที่ประมาณ 69,000 ดอลลาร์อยู่แล้ว แต่หลังจากที่มีการประกาศตัวเลขดัชนี CPI ราคา ก็ร่วงลงไปอีกเหลือเพียง 67,500 ดอลลาร์ ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที
อย่างไรก็ดีแรงซื้อเริ่มกลับมาอีกครั้ง และดันราคา Bitcoin เพิ่มขึ้นไปประมาณหนึ่งพันดอลลาร์ ในส่วนคริปโตตัวอื่น ๆ อย่าง Altcoins ส่วนใหญ่ก็เคลื่อนไหวตามราคา Bitcoin
ความผันผวนนี้ส่งผลกระทบต่อผู้ที่เทรดโดยใช้เลเวอเรจมากเกินไป โดยมูลค่าความเสียหายของการโดนล้างพอร์ตในครั้งนี้อยู่ที่เกือบ 300 ล้านดอลลาร์ ภายในวันเดียว ตามข้อมูลของ CoinGlass ซึ่งมีผู้เทรดกว่า 100,000 คน ถูกชำระบัญการ โดยคำสั่งที่มีมูลค่ามากที่สุดเกิดขึ้นบน Bybit ซึ่งมีมูลค่ากว่า 8 ล้านดอลลาร์
ที่มา: cryptopotato