หลายคนอาจทราบข่าวกันแล้ว จากเมื่อวานนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของไทยร่วมด้วย รมว.คลัง จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และ รมช.คลัง เผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการ รมว.คลัง ได้เปิดเผยความคืบหน้าและข้อสรุปโครงการ Digital Wallet ที่จะทำการแจกเงินให้กับผู้ลงทะเบียนที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก ดังนี้
- เป็นคนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป
- มีรายได้ต่ำกว่า 840,000 บาท ต่อปี
- มีเงินฝากรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท
โดยทางรัฐบาลคาดว่าโครงการนี้จะครอบคลุมประชาชนชาวไทยกว่า 50 ล้านคน ทว่าภายในการประกาศก็ได้มีการเขียนหมายเหตุสำหรับผู้ที่ลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีอยู่ด้วยเช่นกัน
ลงทุนในคริปโตจะยังได้เงินหมื่นไหม ?
สำหรับคำถามสำคัญที่หลายคนสงสัย อ้างอิงจากเอกสารที่ทางพรรคเพื่อไทยเผยแพร่พบว่า รายได้ที่รัฐบาลกล่าวถึงนั้นจะประกอบไปด้วย เงินเดือน,ค่าจ้างทั่วไป,ค่าลิขสิทธิ์ และทรัพย์สินทางปัญญา, ดอกเบี้ย , เงินปันผล , ค่าเช่า , ค่าวิชาชีพอิสระ , ค่ารับเหมารวทั้งค่าแรงและค่าของ , เงินได้อื่น ๆ ที่ไม่เข้าพวก และ รายได้จากการลงทุนต่าง ๆ รวมถึง คริปโตเคอร์เรนซี
สิ่งนี้หมายความว่าตราบใดที่นักเทรดไม่ได้มีรายได้จากการลงทุนคริปโต และรายได้อื่น ๆ รวมกันเกิน 840,000 บาทต่อปีก็ยังจะมีสิทธิในการเข้าร่วมโครงการนี้ได้อยู่นั่นเอง
ทั้งนี้ทางทีมงานไม่อาจให้คำตอบได้ว่าหากมีรายได้จากการลงทุนคริปโตเป็นมูลค่าเกิน 840,000 บาท แต่ไม่ได้มีการขายออกมาเป็นเงินสด หรือนำเข้าระบบภาษี จะยังสามารถเข้าร่วมโครงการดังกล่าวได้หรือไม่
สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการทางรัฐบาลได้ประกาศว่าจะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี และจะเปิดให้เริ่มใช้จ่ายในช่วงไตรมาสที่ 4 ซึ่งผู้ใช้จะสามารถใช้จ่ายซื้อสินค้าได้ทุกชนิดในร้านค้าขนาดเล็ก ที่กระทรวงพาณิชย์ กำหนด ยกเว้นสินค้าอบายมุข ,น้ำมัน ,การบริการ และ ออนไลน์ ผ่านการใช้งาน Super App ซึ่งจะครอบคลุมพื้นที่การใช้งานกว่า 878 อำเภอ ทั่วประเทศไทย
ที่มา : X (Twitter)