ทีมพัฒนา Shiba Inu ได้ประกาศว่าเครือข่าย Shibarium พร้อมแล้วที่จะเข้าสู่กระบวนการ Hard Fork ในวันที่ 2 พฤษภาคมนี้ การอัปเกรดครั้งสำคัญนี้ไม่เพียงแต่ปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้เท่านั้น แต่ยังสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่าย เพื่อให้รองรับการเติบโตในอนาคต
Hard Fork คืออะไร?
การฮาร์ดฟอร์คในเทคโนโลยี บล็อกเชน คือ การเปลี่ยนแปลงโปรโตคอลครั้งใหญ่ ซึ่งจำเป็นต้องให้ nodes หรือผู้ใช้งานทั้งหมดอัพเกรดเป็นโปรโตคอลเวอร์ชั่นล่าสุด เนื่องจากการสร้างบล็อกเชนที่แยกตัว (fork) ออกจากบล็อกเชนเวอร์ชั่นก่อนหน้าจะช่วยให้สามารถบล็อกเชนนำเสนอฟีเจอร์ใหม่ ๆ และการปรับปรุงต่าง ๆ ได้
ทางทีมพัฒนาระบุว่าการ hard fork ครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับ Shibarium โดยจะนำเสนอฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อพัฒนาการปรับปรุงประสิทธิภาพของเครือข่ายและเพิ่มความรวดเร็วในการตอบสนองต่อความต้องการของชุมชน
สำหรับเป้าหมายของการ hard fork ในครั้งนี้ถูกจัดทำเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการยืนยันการทำธุรกรรม ส่งผลให้เครือข่ายมีประสิทธิภาพมากขึ้นและแข่งขันได้ต่อไปในตลาด
ยิ่งไปกว่านั้นการ hard fork จะยังเข้ามาช่วยควบคุมดูแลให้ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมเสถียรมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่มีการใช้งานเครือข่ายอย่างหนัก เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมและปราศจากปัญหาการใช้งาน โดยมีการคาดการณ์ไว้ว่าค่าธรรมเนียมลดลงเหลือเพียงแค่ 0.0000219 BONE ($0.00001) เพียงเท่านั้น
และประการสุดท้ายการ hard fork จะช่วยทำให้เครือข่ายนั้นมีความปลอดภัยและความเสถียรมากขึ้น ด้วยการอัปเกรดโครงสร้างพื้นฐานทำให้ผู้ใช้งานปลอดภัยจากเหตุการณ์ไม่คาดคิด
ทั้งนี้ทางทีมงานตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะทำให้เครือข่าย Shiba Inu สามารถรองรับการใช้งานได้มากกว่า 1 พันล้านยูเซอร์ ในขณะที่ยังคงเป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน และมีราคาค่าบริการที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามยังไม่มีใครทราบได้ว่าการ hard fork ครั้งนี้จะส่งผลต่อราคา SHIB ขนาดไหน ดังนั้นนักลงทุนที่สนใจควรติดตามสถานะของเครือข่ายอย่างใกล้ชิด
ที่มา : Bitcoinist