<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

รู้จักกับ “แรร์เอิร์ธ” แร่หายากไม่แพ้ Bitcoin ประเทศไหนครอบครองมากที่สุดจะมีอำนาจล้นฟ้า

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัล และธุรกิจพลังงานสะอาดกำลังขับเคลื่อนโลก แร่ชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Rare Earth “แรร์เอิร์ธ” ได้กลายเป็นทรัพยากรล้ำค่า เปรียบเสมือน Bitcoin และ ทองคำในธุรกิจโลกใหม่ ประเทศใดที่ได้ครอบครองแร่แรร์เอิร์ธ มากที่สุด ย่อมหมายถึงการเข้าใกล้กุญแจสำคัญสู่ อำนาจ และความมั่งคั่งของโลกอนาคต

แร่ Rare Earth คืออะไร?

แร่ Rare Earth (แรร์เอิร์ธ) ไม่ได้หายากเพราะชื่อของมันเพียงอย่างเดียว แต่เหตุผลที่มันถูกตั้งชื่อนี้เป็นเพราะแร่ชนิดนี้ยากต่อการทำเหมืองเพื่อขุดและสกัดมันขึ้นมา เนื่องจาก แร่ Rare Earth มักจะไม่อยู่รวมกลุ่มในที่ ๆ เดียวกันเหมือนแร่ชนิดอื่น ทำให้มันมีค่าใช้จ่ายในการขุดแร่ มากกว่าการขุดทองคำเสียอีก

 ที่มา:ThaiPBS

แรร์เอิร์ธ เป็นกลุ่มธาตุโลหะ 17 ชนิดที่มีคุณสมบัติทางเคมีและฟิสิกส์ใกล้เคียงกัน พบได้ในปริมาณน้อยกระจายตัวอยู่ทั่วโลก แร่เหล่านี้มีความสำคัญในอุตสาหกรรมการผลิตของโลกยุคใหม่ เช่น:

  • อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์: แรร์เอิร์ธถูกใช้ในสมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์ 
  • พลังงานสะอาด: แรร์เอิร์ธเป็นส่วนประกอบสำคัญในแบตเตอรี่ Lithium Ion ที่ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าและระบบพลังงานแสงอาทิตย์
  • ยานยนต์: แรร์เอิร์ธถูกใช้ในมอเตอร์ไฟฟ้า แม่เหล็ก และตัวเร่งไอเสีย
  • อุตสาหกรรมอื่นๆ: แรร์เอิร์ธยังใช้ในอุตสาหกรรมการแพทย์ อุตสาหกรรมแก้ว และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ

ประเทศไหนครอบครอง แร่ Rare Earth ไว้มากที่สุด?

อ้างอิงตามข้อมูลของเว็บไซต์ฐานเศรษฐกิจ ในปี 2566 กำลังการผลิตแรร์เอิร์ธทั่วโลกต่อปีอยู่ที่ประมาณ 265,000 เมตริกตัน โดยจีนเป็นผู้ผลิตและส่งออกแรร์เอิร์ธรายใหญ่ที่สุดของโลก คิดเป็นสัดส่วนกว่า 60% ของการผลิตทั้งหมด 

ส่วนประเทศอื่น ๆ ที่มีการผลิตแรร์เอิร์ธที่สำคัญ ได้แก่ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา เมียนมา มาดากัสการ์ อินเดีย รัสเซีย ไทย และเวียดนาม 

แบ่งออกเป็น จีน: 160,000 เมตริกตัน , สหรัฐอเมริกา: 43,000 เมตริกตัน , ออสเตรเลีย: 18,000 เมตริกตัน , เมียนมา: 3,000 เมตริกตัน , มาดากัสการ์: 8,000 เมตริกตัน , อินเดีย: 3,000 เมตริกตัน , รัสเซีย: 2,700 เมตริกตัน , ไทย: 2,000 เมตริกตัน ,เวียดนาม: 4,300 เมตริกตัน

การครอบครอง แร่ Rare Earth มีความสำคัญอย่างไร?

สินค้าอิเล็กทรอนิกส์มากกว่า 90% ทั่วโลกจำเป็นต้องใช้แร่ 1 ใน 17 ของ RareEarth สำหรับกระบวนการผลิต ซึ่งเหตุผลนี้ทำให้ประเทศใดที่มีแร่ดังกล่าวอยู่ในมือจะส่งผลให้ประเทศเหล่านั้นมีอำนาจการเจรจาต่อรองระหว่างประเทศต่างๆ รวมไปถึงการทำให้ประเทศของตนมั่งคั่ง เนื่องจากแรร์เอิร์ธเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงอย่างมาก

ในยุคปัจจุบัน ที่ทั่วโลกต่างแข่งขันกันในเรื่องของเทคโนโลยี ทำให้ประเทศที่มี RareEarth อยู่ในการครอบครอง ทุกประเทศจะต้องเอาเงินมาวางกองตรงหน้า เพื่อขอซื้อแร่ RareEarth จากประเทศที่ครอบครองแร่เหล่านี้ ซึ่งอาจส่งผลให้ประเทศใดก็ตามที่สามารถเพิ่มปริมาณการครอบครองแร่เหล่านี้ให้มากขึ้นได้ อาจส่งผลต่อสถานะการเป็นมหาอำนาจของโลกในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน