ราคา Bitcoin กลับมาพุ่งแรงอีกครั้ง และแน่นอนว่างานนี้ต้องมีนักลงทุนบางส่วนที่ไม่สมหวัง อย่างครั้งนี้นักเทรดที่เดิมพักฝั่งขา Short ได้สูญเงินหลายสิบล้านดอลลาร์
ตามข้อมูลของ CoinGlass พบว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีการชำระบัญชีสถานะ Short สำหรับคริปโตทั้งหมดมูลค่าเกือบ 100 ล้านดอลลาร์ โดยปัจจุบันมียอดอยู่ที่ 99 ล้านดอลลาร์
ตัวเลขส่วนใหญ่เป็นการเดิมพันกับ Bitcoin ทั้งนี้การชำระบัญชีสถานะ Short ของ BTC อยู่ที่เกือบ 36 ล้านดอลลาร์ใน 24 ชั่วโมง และในช่วง 4 ชั่วโมที่ผ่านมามีการชำระบัญชีสถานะ Short ของ BTC เกือบ 22 ล้านดอลลาร์
ด้านฝั่งขา Long ก็มีการสูญเสียเช่นกันในช่วง 1 วันที่ผ่านมา แม้ว่าผู้เล่นที่ถือสถานะ Short จะเจ็บตัวมากกว่า โดยข้อมูลจาก CoinGlass แสดงว่า มีการชำระบัญชีสถานะ Long สำหรับคริปโตเคอร์เรนซีทั้งหมด มูลค่าประมาณ 44 ล้านดอลลาร์ในช่วง 24 ชั่วโมที่ผ่านมา
สถานะ Short คือสถานะที่นักเทรดเดิมพันว่าราคาของสินทรัพย์จะลดลงในอนาคต หากสถานะ Short ถูกชำระบัญชี แสดงว่าผู้เล่นแพ้เดิมพันและสถานะของพวกเขาจะถูกปิด ในทางกลับกัน สถานะ Long คือการเดิมพันว่าราคาของสินทรัพย์จะเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ราคา Bitcoin เพิ่มขึ้นประมาณ 5% ในช่วง 24 ชั่วโมที่ผ่านมา โดยมีการซื้อขายที่ 61,911 ดอลลาร์ตามข้อมูลของ CoinGecko ราคามีการพุ่งขึ้นแตะระดับ 62,000 ดอลลาร์ โดยเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ Bitcoin ประสบปัญหาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และครั้งหนึ่งในสัปดาห์นี้ราคาเคยลดลงต่ำกว่า 57,000 ดอลลาร์ต่อ 1 BTC
ซึ่งต่ำกว่าจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของ Bitcoin ในเดือนมีนาคมที่ราคาเกือบ 74,000 ดอลลาร์ และยังต่ำกว่าสถิติเดิมของปี 2021 ที่ 69,044 ดอลลาร์
Bitcoin และตลาดคริปโตโดยรวมได้รับผลกระทบหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะไม่รีบลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ และยังมีปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์อื่นๆ เช่น ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ยังทำให้สินทรัพย์ที่ถือว่ามีความเสี่ยงสูงอย่าง Bitcoin ไม่น่าดึงดูดนักสำหรับนักลงทุน นำไปสู่การไหลออกจากกองทุน Bitcoin ETF ที่เพิ่งได้รับการอนุมัติ
แต่ในวันนี้ รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่าอัตราการว่างงานในเดือนเมษายนสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
ซึ่งนักลงทุนคริปโตบางส่วนตีความว่าเป็นสัญญาณที่ดี: อัตราการว่างงานที่สูงขึ้นทำให้เป็นไปได้มากขึ้นที่เฟดจะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย และอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงหมายความว่าคริปโตน่าจะน่าดึงดูดนักลงทุนมากขึ้น
ที่มา: decrypt