เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ประชุมคณะอนุกรรมการกำกับการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet และได้มีมติปรับรายละเอียดเกณฑ์ผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการเพิ่มเติม
โดยหลังจากการประชุม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ได้ออกมาเปิดเผยว่าทางกระทรวงการคลังได้ทำการปรับเกณฑ์ที่จะได้รับเงิน โดยปรับให้ผู้ที่มีเงินฝากรวมกันทุกบัญชีมากกว่า 500,000 บาทขึ้นไป จะไม่ได้รับเงิน 10,000 บาท จากโครงการ Digital Wallet
สิ่งที่น่าสนใจคือเกณฑ์การได้รับเงิน Digital Wallet จำนวน 10,000 บาทได้นั้น บุคคลดังกล่าวจะต้องไม่มีเงินฝากรวมทุกบัญชีไม่เกิน 500,000 บาท ซึ่งนับยอดตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค. 2567 อย่างไรก็ตามจำนวนดังกล่าวจะไม่นับรวมสลากออมทรัพย์ และสลากออมสิน
ทว่าการประกาศกฎเกณฑ์เพิ่มเติมนี้ ไม่ได้มีการพูดถึงพูดถึงเงินฝากในคริปโต Wallet ที่ประชาชนอาจใช้ช่องโหว่ดังกล่าว เพื่อที่จะทำให้ผ่านเกณฑ์ และสามารถรับเงินได้
เพราะด้วยความสามารถของคริปโตเคอร์เรนซี ไม่ว่าจะเป็น ความสามารถในการกระจายศูนย์ การแลกเปลี่ยนได้อย่างอิสระ และความไร้ตัวตน ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถปกปิดตัวเองจากระบบการเงินแบบดั้งเดิมได้
อย่างไรก็ตามความสามารถดังกล่าวก็ยังมีข้อเสียอยู่ เพราะด้วยระบบบล็อกเชนของคริปโต ทำให้ทุกคนรวมถึงรัฐบาลสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของ Wallet ซึ่งจะสามารถติดตามเงินที่ถูกฝากเข้าไปในกระดานซื้อขาย ก่อนที่จะโอนเข้าไปใน Wallet ได้
ทั้งนี้ บทความดังกล่าวเป็นเพียงแค่การวิเคราะห์จากผู้เขียนเท่านั้น ทางผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาในการแนะนำหรือเชิญชวนให้ผู้อ่านลงทุนหรือกระทำตามแต่อย่างใด คริปโตเคอร์เรนซี และ โทเค็นดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้เท่านั้น
อ้างอิง: ลงทุนแมน