<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

3 เหตุผลว่าทำไมราคา Bitcoin (BTC) ถึงยังไม่พุ่งสูงขึ้นในเร็วๆ นี้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในตอนนี้ถือเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่เงียบเหงาที่สุดในตลาดคริปโต ที่ถึงแม้ว่าราคา Bitcoin จะพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรงในช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่ในปัจจุบันราคาเหรียญกลับยังคงไม่ขยับไปไหนมากนัก

โดยในวันนี้เราจะมาวิเคราะห์ 3 เหตุผล ที่คาดว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคา Bitcoin ยังไม่พุ่งขึ้นสูงขึ้นในเร็วๆ นี้

ตลาด ไม่มี FOMO

แม้ว่าในตอนนี้ราคา Bitcoin จะยังคงสามารถยืนเหนือ 70,000 ดอลลาร์ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยมูลค่าตลาดมากกว่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ และมีการเติบโตอย่างรวดเร็วถึง 14% ในรายเดือน และ165% ในรายปี แต่ดูเหมือนว่าในตอนนี้ราคาเหรียญจะยังคงไม่ไปไหนมากนัก เพราะตลาดกำลังขาดแรงกระตุ้น

ซึ่งองค์ประกอบที่สำคัญนั้นคือตลาดขาดอาการความกลัวว่าจะพลาดโอกาส (FOMO) ซึ่งเห็นได้ชัดจากข้อมูลของแพลตฟอร์มข่าวกรองตลาด Santiment ที่ออกมาชี้ว่านักลงทุนไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเร้าใจเหมือนเมื่อก่อน

โดย FOMO เป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่มีลักษณะเฉพาะคือเป็นความวิตกกังวลที่เกิดจากการเห็นคนอื่นประสบความสำเร็จแล้วทำให้เรารู้สึกว่าเรากำลังตามกระแสไม่ทัน ซึ่งในบริบทของโลกการลงทุนนั้นFOMO หมายถึงความกลัวที่จะพลาดโอกาสในการได้รับกำไร

ด้วยเหตุผลนี้ทำให้นักลงทุนเข้าสู่ตลาดด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล และละเลยการตรวจสอบความรอบคอบและกลยุทธ์การลงทุนที่จำเป็น ส่งผลให้สินทรัพย์เป็นที่ต้องการและกระตุ้นให้ราคาพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง

RSI

อีกหนึ่งตัวชี้วัดที่บ่งชี้ว่าราคาของ BTC จะเป็นขาขึ้นในอนาคตหรือไม่คือดัชนีความแข็งแกร่งสัมพันธ์ (RSI) ซึ่งเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคชื่อดังที่สามารถระบุว่าได้สินทรัพย์ดังกล่าวมีการซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป

ดัชนีดังกล่าวมีช่วงตั้งแต่ 0 ถึง 100 โดยอัตราส่วนที่สูงกว่า 70 บ่งชี้ว่าอาจมีการปรับฐานในเร็วๆ นี้ ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่า RSI ของ BTC อยู่ที่ 60 โดยข้ามระดับดังกล่าวเพียงสี่ครั้งในช่วง 30 วันที่ผ่านมา

ความนิยมของกระดานเทรดที่ลดน้อยลง

และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด คือกระแสเงินทุนที่หมุนเวียนอยู่ในกระดานเทรดต่างๆ ซึ่งข้อมูลล่าสุดจาก CryptoQuant ชี้ให้เห็นว่าแพลตฟอร์มซื้อขายส่วนใหญ่มีเงินไหลเข้าเป็นลบในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ซึ่งจากข้อมูลพบว่านักลงทุนได้เปลี่ยนจากแพลตฟอร์มซื้อขายไปใช้วิธีการดูแลตนเองหรือ Cold Wallet กันมากขึ้น เนื่องจากต้องการป้องกันแรงกดดันในการขายตามอารมณ์

อย่างไรก็ตาม บทความดังกล่าวเป็นเพียงแค่การวิเคราะห์และนำเสนอข่าวเท่านั้น การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนอาจเสียเงินทั้งจำนวนได้ และผู้ลงทุนควรที่จะศึกษาและประเมินความเสี่ยงก่อนที่จะลงทุนในสินทรัพย์ใดๆ อยู่เสมอ

ที่มา: CryptoPotato